x close

นายกฯ โต้กลางสภาฯ ซัด ไม่ได้ฉลาดน้อยขนาดนั้น ชี้หนี้สาธารณะเพิ่มเพราะกู้มาแก้โควิด 19

          พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา โต้กลางสภาฯ ฝ่ายค้านดูถูกเหยียดหยามสติปัญญา ชี้หนี้สาธารณะเพิ่มเพราะกู้มาแก้โควิด 19 ฝากให้ประชาชนช่วยแยกแยะ ปัดเอื้อประโยชน์ลงทุนร่วมเอกชน

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ภาพจาก ไทยพีบีเอส

          วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 สำนักข่าว INN รายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีที่มี ส.ส. พรรคฝ่ายค้าน อภิปรายดูถูก เสียดสีสติปัญญา และเหยียดหยาม ซึ่งก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร และก็ไม่คิดว่าจะเอามาเป็นตัวอย่าง ที่จะมาโมโห มาโกรธ และไม่ขอถือสาในคำพูด เพราะว่าอาวุโสกว่า รวมทั้งขอขอบคุณคำพูดแนะนำที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ โดยขอฝากให้ประชาชนช่วยแยกแยะด้วย

          นายกรัฐมนตรีกล่าวชี้แจงในเรื่องการลงทุนด้านคมนาคมว่า เป็นแผนงานและแนวคิด พร้อมต้องไปศึกษาให้ละเอียดอีกครั้ง พร้อมระบุว่า ตนคงไม่ฉลาดน้อยขนาดนั้น ขออย่าดูถูกเหยียดหยามให้มาก


          โดยในส่วนของการลงทุนของภาครัฐ เน้นการลงทุนแบบ PPP คือ รัฐร่วมเอกชน โดยมีการประมูล การเซ็นสัญญาอย่างโปร่งใสตามกฎหมาย และยืนยันว่าไม่เคยอนุมัติให้ใครเป็นกรณีพิเศษ เพราะเป็นการเสนอแผนงานโครงการขึ้นมา โดยผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการทุกระดับ และไม่เคยไปเรียกผลประโยชน์จากใคร ซึ่งยืนยันได้ตรงนี้ โดยยืนหยัดด้วยคำพูดตรงนี้ แม้จะใช้คำพูดที่รุนแรงแต่พร้อมที่จะรับฟังความเห็น และไม่ขอไปเถียงกับใคร เพราะคงสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งถึงแม้จะไม่เก่งเท่า แต่ก็จริงใจและพูดในสิ่งที่มันทำได้ รวมทั้งพร้อมที่จะปรับแก้ แต่ขอให้ช่วยพูดจาให้ดี

          นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายนั้น มีหลายส่วนทั้งงบกลาง งบส่วนราชการ และงบบูรณาการ ขอให้คำนึงถึงภาระของรัฐบาลที่จะต้องดูแลคนทั้งประเทศ ซึ่งการจัดสัดส่วนจะต้องถูกต้องและเหมาะสม และขออย่านำงบประมาณฟื้นฟูสถานการณ์โควิด-19 มาตีกับงบประมาณปี 2564 ขณะที่เรื่องของการจัดซื้อเรือดำน้ำ ได้ชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นไปแล้ว ซึ่งการจัดซื้ออะไรก็แล้วแต่จะต้องมีความโปร่งใส

          นายกรัฐมนตรียังชี้แจงถึงคำถามของนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในประเด็นหนี้สาธารณะของรัฐบาล ว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากเกิดจากการที่จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อมาใช้ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ covid-19 และฟื้นฟูประเทศ ซึ่งต้องถามว่าตัวเลขคร่าว ๆ 5.5 ล้านล้านบาทนั้นใครได้ ประชาชนใช่หรือไม่ เมื่ออยากได้ก็ต้องให้ ขณะที่เรื่องรายได้ของประเทศจะต้องประเมินจากสถานการณ์โควิด 19 ที่หากสถานการณ์ดีขึ้นก็น่าจะเก็บรายได้ได้มากขึ้น หากไม่ได้ก็ต้องมีวิธีการบริหารจัดการงบประมาณและแผนงานโครงการตามวงเงินที่มีอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องหลักการในการบริหาร แต่ ส.ส. เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะฉะนั้นการบริหารเป็นฝ่ายของรัฐบาลที่ต้องหาวิธีการในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้

          ส่วนที่บอกว่าทุกกระทรวงชี้แจงแก้ตัว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนต้องรับชอบผิดในภาพรวม ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล หากมีการพูดอะไรไม่ถูกต้องก็ต้องตำหนิ เพราะทุกอย่างอนุมัติด้วย ครม. ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว และขอให้เข้าใจว่าไม่เคยไปก้าวล่วงหรือสั่งการ มีแต่ให้แนวทางในการปฏิบัติ และให้นโยบาย พร้อมมีการตรวจสอบการทุจริต โดยหวังว่าจากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีใครถูกดำเนินคดี

          นายกรัฐมนตรียังกล่าวในช่วงท้ายของการชี้แจงหนี้ครัวเรือน โดยถามว่า ก่อนรัฐบาลนี้เข้ามา หนี้จากใคร ซึ่งก็มาจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ทำมา และทุกรัฐบาลก็มีการกู้เงินมา ซึ่งมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตของประชากร  พร้อมกล่าวว่า "ขอบคุณท่านจิรายุ ห่วงทรัพย์ ซึ่งท่านก็ห่วงจริง ๆ ของท่าน ห่วงทรัพย์ ขอบคุณ และขออนุญาตเอ่ยนาม"

ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว INN


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นายกฯ โต้กลางสภาฯ ซัด ไม่ได้ฉลาดน้อยขนาดนั้น ชี้หนี้สาธารณะเพิ่มเพราะกู้มาแก้โควิด 19 อัปเดตล่าสุด 4 กรกฎาคม 2563 เวลา 17:44:34 7,701 อ่าน
TOP