แม่ใจสลาย ลูกชายคลอดออกมาเสียชีวิตปริศนา แจ้งความตำรวจ
เตรียมส่งศพไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุ กลับช็อกซ้ำ โรงพยาบาลสลับศพลูกไปเผาแล้ว
แถมพบพิรุธจากคำให้การของสัปเหร่อ
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
วันที่ 2 สิงหาคม 2563 สำนักข่าวไทย รายงานกรณีสะเทือนใจ นางสาวกฤษณา ขวัญศรี คุณแม่อายุ 23 ปี
ที่ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเผยเรื่องราวใจสลายว่า เธอได้ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาท เธอเจ็บปวดมาก
สามารถเบ่งคลอดได้ แต่แพทย์ไม่ให้คลอด เพราะปากมดลูกเปิดเพียง 2 เซนติเมตร
กระทั่งลูกชายเสียชีวิตระหว่างคลอด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
นางสาวกฤษณา และสามี รู้สึกติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูก เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่สามารถชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดได้ ระบุเพียงว่า จะส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลในจังหวัดนครสวรรค์ จึงได้ไปแจ้งความกับทางตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท และขอให้ตำรวจส่งศพลูกไปสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอีกทางหนึ่ง พร้อมทั้งยืนยันว่าจะไม่เผาศพลูก จนกว่าจะรู้สาเหตุที่แท้จริง และหากพบว่าเกิดจากความประมาทของแพทย์และพยาบาล จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
นางสาวกฤษณา และสามี รู้สึกติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูก เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่สามารถชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดได้ ระบุเพียงว่า จะส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลในจังหวัดนครสวรรค์ จึงได้ไปแจ้งความกับทางตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท และขอให้ตำรวจส่งศพลูกไปสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอีกทางหนึ่ง พร้อมทั้งยืนยันว่าจะไม่เผาศพลูก จนกว่าจะรู้สาเหตุที่แท้จริง และหากพบว่าเกิดจากความประมาทของแพทย์และพยาบาล จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
ทว่าต่อมา ในช่วงเย็นของวันที่ 1 สิงหาคม ทางครอบครัวกลับเจอเรื่องช็อกซ้ำไปกว่าเดิม เมื่อจะไปขอรับศพที่โรงพยาบาลดังกล่าว เพื่อนำส่งไปโรงพยาบาลตำรวจ กลับได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่าเกิดความผิดพลาด ได้สลับศพลูกของนางสาวกฤษณา ไปให้คนอื่นที่ลูกชายเสียชีวิตเช่นเดียวกัน โดยศพถูกนำไปทำพิธีเผาที่วัดศรีวิชัยวัฒนาราม อำเภอเมืองชัยนาท ทางครอบครัวจึงรีบเดินทางไปรับศพ โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลของโรงพยาบาลตรวจการณ์ 1 คน ติดตามไปด้วย
เมื่อไปถึงที่วัด นางสาวกฤษณาและสามีก็ร่ำไห้ใจสลาย ก่อนจะพาเถ้ากระดูกขึ้นรถกลับบ้าน เชื่อว่าเป็นเถ้ากระดูกของลูกชายแน่นอน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำส่งไปตรวจ DNA เพื่อให้ทราบแน่ชัดและเป็นผลทางคดีความหรือไม่ อย่างไรก็ดี ความผิดพลาดของโรงพยาบาลครั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ทางครอบครัวตั้งใจจะดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
เมื่อสอบถาม นายสมเกียรติ น้อยยา อายุ 56 ปี สัปเหร่อวัดศรีวิชัยวัฒนาราม ผู้ทำหน้าที่เผาศพทารกดังกล่าว เผยว่า ช่วงเช้าวันที่ 1 สิงหาคม ตอนเย็น พบชายอายุ 37 ปี เชื่อว่าเป็นพ่อของเด็ก แต่ไม่มีเอกสารเกี่ยวกับการตาย มีเพียงสำเนาบัตรประชาชนมาให้เพียงใบเดียว เดินทางมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 5 คน ศพทารกอยู่ในโลง ห่อมาอยู่ในผ้าสีฟ้ามิดชิด ตนไม่ทราบเรื่องราวก็ทำพิธีเหมือนกับเผาศพทั่วไป แต่ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจ เพราะมีพ่อคนเดียวมาร่วมเผาศพ ไม่มีญาติคนอื่น ๆ และตั้งแต่เป็นสัปเหร่อมา 10 กว่าปี ก็ไม่เคยเห็นหมอและพยาบาลมาร่วมเผาศพทารกเช่นนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย, ไทยโพสต์