เปิดคลิปบีบหัวใจ แม่พาลูกหนีตาย หลังไฟไหม้ตึก 16 ชั้น จนไร้ทางหนี ไม่มีทางเลือก ตัดสินใจนาทีสุดท้าย ต้องโยนลูกลงจากตึก
นาเดลี มันโยนี วัย 26 ปี เล่าว่า ในวันที่อังคารที่ 13 กรกฎาคม เธอกับลูกสาว วัย 2 ขวบ อยู่ที่ชั้น 16 และพบว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ จึงได้รีบคว้าลูกอุ้มหนีไฟ วิ่งลงบันไดลงมาเรื่อย ๆ แล้วลอดช่องแผงระแนงไม้ออกมา จนมายืนอยู่ริมขอบระเบียงตึกริมถนน
ตอนนั้นมีชาวเมืองจำนวนมากยืนมองอยู่ พวกเขาร้องตะโกนด้วยความตื่นตกใจ แล้วรีบวิ่งมาดู นาเดลีไม่มีทางเลือกและจำใจจับลูกโยนลงจากตึก ให้คนข้างล่างช่วยกันจับเด็กเอาไว้ ส่วนนาเดลีก็รีบหนีและไต่ตึกลงมาทางอื่น ก่อนจะได้พบลูกอีกครั้ง
เด็กน้อยรอดชีวิต เธอปลอดภัยดี และไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบกระเทือนจิตใจเธออย่างรุนแรง
"หลังจากที่ฉันโยนลูกลงไปแล้ว ฉันยอมรับว่าใจหายมาก และไม่อยากเชื่อ แต่พวกเขาช่วยกันรับลูกเอาไว้ได้ พอได้เจอลูกอีกครั้ง เธอพูดซ้ำ ๆ ว่า "แม่โยนหนูลงมา แม่จับหนูโยนลงมา" ฉันรู้เลยว่าลูกกลัวมากจริง ๆ ฉันหัวใจสลายจริง ๆ ค่ะ แต่ฉันไม่มีทางเลือก ตอนนั้นฉันคิดอย่างเดียวว่าต้องให้ลูกหนีออกไปให้ได้ ต้องให้ลูกฉันรอดให้ได้ ฉันจะไม่มีวันหนีตายคนเดียวโดยทิ้งลูกเอาไว้เด็ดขาด" นาเดลี เล่าถึงโมเมนต์สุดบีบหัวใจคนเป็นแม่
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @Katlie_Moo
สำหรับความวุ่นวายในแอฟริกาใต้นั้น ข้อมูลจากบิสสิเนสอินไซเดอร์ รายงานว่า การประท้วง ความรุนแรง การจราจลและการบุกรุกทำลายข้าวของ เกิดขึ้นหลังจากความโกรธแค้นและความไม่พอใจที่ศาลตัดสินจำคุก นายจาคอบ ซูมา อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ เป็นเวลา 15 เดือน ในข้อหาละเมิดคำสั่งศาล
นายซูมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ตั้งแต่ปี 2552 - 2561 โดยตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่ง เศรษฐกิจของแอฟริกาใต้ย่ำแย่ลงมาก กว่าครึ่งของประชากรวัยผู้ใหญ่อยู่ในฐานะยากจน อัตราการว่างงานสูงขึ้นเรื่อย ๆ และความโกรธแค้นไม่พอใจของประชาชนคุกรุ่นทวีคูณมาโดยตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี
ต่อมา นายซูมาโดยดำเนินคดีในข้อหาทุจริตคอรัปชั่น แต่เขาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมไปขึ้นศาลมาโดยตลอด ไม่ยอมไปรับฟังการพิจารณาคดีเลยสักครั้ง จนสุดท้ายเขาโดนข้อหาหนีหมายศาลและเข้ามอบตัวแต่โดยดี รับโทษจำคุก 15 เดือน เหมือนโทษคอรัปชั่นที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น
ด้วยความอดกลั้น ความทุกข์ยาก และวิกฤตโควิด 19 พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น ประชาชนจึงถึงจุดเดือดและทนไม่ไหวอีกต่อไป ออกมาประท้วงและก่อความรุนแรงในหลายเมืองใหญ่ จนในขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว อย่างน้อย 70 ราย
ทั้งนี้สถานการณ์ยังมีไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงโดยง่าย