ตำรวจเอาจริง โดนใบสั่งแล้วไม่ชำระค่าปรับ ถูกออกหมายจับแน่ กระทบทำนิติกรรม สมัครงาน บินไปต่างประเทศมีปัญหา อยู่ไหนก็สามารถจับกุมตัวได้ทันที
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
วันที่ 20 มิถุนายน 2565 ไทยพีบีเอส รายงานว่า พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต. นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร. และ รอง ผบก.น.1-9 ร่วมแถลงข่าวการบังคับใช้กฎหมายกรณีประชาชนไม่มาชำระค่าปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก
พล.ต.ต. จิรสันต์ กล่าวว่า กรณีผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรและไม่มาชำระค่าปรับ อีกทั้งกระทำความผิดซ้ำ เพิ่มปัญหาอุบัติเหตุและปัญหาการจราจรมากขึ้น โดย บช.น. หาแนวทางให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งได้ข้อสรุปในการดำเนินการ คือ เมื่อพบผู้กระทำผิดจะออกใบสั่ง 3 รูปแบบ ได้แก่
1. การเขียนใบสั่งเล่ม
2. ใบสั่งจากภาพกล้องวงจรปิดส่งไปทางไปรษณีย์
3. ใบสั่งจากเครื่อง E-TICKET
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
โดยเมื่อออกใบสั่งไปแล้ว แต่ผู้กระทำผิดไม่มาชำระค่าปรับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหนังสือเตือน 1 ครั้ง หากยังไม่ชำระค่าปรับอีกจะมีการแจ้งความดำเนินคดี และออกหมายเรียกไปยังผู้กระทำความผิด 2 ครั้ง หากไม่มาจ่ายอีก จะเสนอศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ
เมื่อออกหมายจับแล้วจะส่งผลกระทบในการดำเนินชีวิตหลายเรื่อง โดยตำรวจจะประสานฝ่ายปกครอง ทำให้ผู้กระผิดเสียสิทธิในการทำนิติกรรมต่าง ๆ เพราะถูกนำชื่อไปสู่ทะเบียนกลาง อีกทั้งชื่อจะอยู่ในสารบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดก็ตามตำรวจสามารถเข้าจับกุมได้ ส่วนกรณีที่ต้องการเดินทางออกนอกประเทศข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำให้เกิดความยากลำบากในการเดินทาง และมีชื่อในกองทะเบียนประวัติอาชญากร กระทบความเชื่อมั่นเมื่อต้องการสมัครงานใหม่
ทั้งนี้ปัญหาผู้กระทำความผิดด้านการจราจรแล้วไม่มาชำระค่าปรับ เกิดพฤติกรรมเคยชิน บางรายกระทำผิดซ้ำถึง 59 ครั้ง โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ที่ 20 มิถุนายน 2565 และสามารถตรวจสอบย้อนหลังใบสั่งที่ยังไม่หมดอายุความ (ระยะเวลา 1 ปี) โดยเน้นกรณีกระทำผิดช้ำบ่อยครั้งก่อน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก. ไทยพีบีเอส
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
วันที่ 20 มิถุนายน 2565 ไทยพีบีเอส รายงานว่า พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต. นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร. และ รอง ผบก.น.1-9 ร่วมแถลงข่าวการบังคับใช้กฎหมายกรณีประชาชนไม่มาชำระค่าปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก
พล.ต.ต. จิรสันต์ กล่าวว่า กรณีผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรและไม่มาชำระค่าปรับ อีกทั้งกระทำความผิดซ้ำ เพิ่มปัญหาอุบัติเหตุและปัญหาการจราจรมากขึ้น โดย บช.น. หาแนวทางให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งได้ข้อสรุปในการดำเนินการ คือ เมื่อพบผู้กระทำผิดจะออกใบสั่ง 3 รูปแบบ ได้แก่
1. การเขียนใบสั่งเล่ม
2. ใบสั่งจากภาพกล้องวงจรปิดส่งไปทางไปรษณีย์
3. ใบสั่งจากเครื่อง E-TICKET
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
โดยเมื่อออกใบสั่งไปแล้ว แต่ผู้กระทำผิดไม่มาชำระค่าปรับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหนังสือเตือน 1 ครั้ง หากยังไม่ชำระค่าปรับอีกจะมีการแจ้งความดำเนินคดี และออกหมายเรียกไปยังผู้กระทำความผิด 2 ครั้ง หากไม่มาจ่ายอีก จะเสนอศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ
เมื่อออกหมายจับแล้วจะส่งผลกระทบในการดำเนินชีวิตหลายเรื่อง โดยตำรวจจะประสานฝ่ายปกครอง ทำให้ผู้กระผิดเสียสิทธิในการทำนิติกรรมต่าง ๆ เพราะถูกนำชื่อไปสู่ทะเบียนกลาง อีกทั้งชื่อจะอยู่ในสารบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดก็ตามตำรวจสามารถเข้าจับกุมได้ ส่วนกรณีที่ต้องการเดินทางออกนอกประเทศข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำให้เกิดความยากลำบากในการเดินทาง และมีชื่อในกองทะเบียนประวัติอาชญากร กระทบความเชื่อมั่นเมื่อต้องการสมัครงานใหม่
ทั้งนี้ปัญหาผู้กระทำความผิดด้านการจราจรแล้วไม่มาชำระค่าปรับ เกิดพฤติกรรมเคยชิน บางรายกระทำผิดซ้ำถึง 59 ครั้ง โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ที่ 20 มิถุนายน 2565 และสามารถตรวจสอบย้อนหลังใบสั่งที่ยังไม่หมดอายุความ (ระยะเวลา 1 ปี) โดยเน้นกรณีกระทำผิดช้ำบ่อยครั้งก่อน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก. ไทยพีบีเอส