นักกู้ชีพเล่าประสบการณ์บีบหัวใจ ถูกตามไปช่วยเหลือสาวถูกรถชน อาการสาหัส จนจำไม่ได้ว่านั่นลูกสาวตัวเอง กว่าจะรู้ก็สายเกินไป
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 เว็บไซต์ 9news.com.au รายงานว่า เจย์มี เอริกสัน นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ในประเทศแคนาดา
ต้องเผชิญกับเรื่องราวบีบหัวใจที่ยิ่งกว่าฝันร้ายใด ๆ
เมื่อเธอต้องเข้าไปให้การช่วยเหลือวัยรุ่นหญิงรายหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุรถชน
อาการสาหัส
โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าคนที่เธอกำลังช่วยยื้อชีวิตอยู่นั้นคือลูกสาวของเธอเอง
และกว่าที่เธอจะทราบเรื่อง ทุกอย่างก็สายเกินไปซะแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เอริกสันพร้อมทีมเป็นเจ้าหน้าที่ชุดแรกซึ่งเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุรถชน บนถนนทางหลวงในเมืองแอร์ดีร์ รัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา โดยพบว่าภายในรถยนต์ที่ถูกรถบรรทุกชน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิงวัยรุ่น 2 คน ซึ่งคนหนึ่งถูกนำตัวออกจากรถได้แล้ว แต่ยังเหลืออีกคนที่ติดอยู่ภายใน
เอริกสันใช้เวลานานกว่า 20 นาที ในการช่วยเหลือเด็กสาวอีกคนออกมาจากซากรถ และอยู่เคียงข้างเธอจนกระทั่งมีทีมฉุกเฉินช่วยเคลื่อนย้ายตัวเธอทางอากาศ ไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งจากสภาพของเด็กสาว เอริกสันรู้ดีว่าเด็กคนนี้อาจจะไม่รอดชีวิต แต่น่าเศร้าที่ร่องรอยการบาดเจ็บสาหัสนั้น ทำให้เธอจำไม่ได้ว่าเด็กคนนี้คือลูกสาวของเธอเอง
เวลาผ่านไปจนกระทั่งเอริกสันออกจากกะและกลับมาบ้าน จึงพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแจ้งข่าวร้าย เรื่องที่ มอนทาน่า ลูกสาววัย 17 ปีของเธอ ประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ซึ่งอาการนั้นสาหัสมากจนในที่สุดแพทย์ก็ตัดสินใจถอดอุปกรณ์พยุงชีพออก
"คนไข้บาดเจ็บสาหัสที่ฉันเพิ่งดูแล คือเลือดเนื้อเชื้อไขของฉันเอง ลูกสาวเพียงคนเดียวของฉัน" เอริกสัน เผย ระหว่างการแถลงข่าวในวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พบว่าเด็กสาวเสียชีวิตในอีก 3 วันหลังเกิดเหตุ ขณะที่เอริกสันยอมรับว่า หัวใจของเธอแตกสลาย ราวกับชิ้นส่วนหนึ่งของเธอขาดหายไป ไม่มีใครอยากพบเจอเรื่องแบบนี้ แม้ว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณช่วงเวลา 17 ปีที่ได้อยู่กับลูกสาว แต่ก็ยังรู้สึกใจสลายอยู่ดี
ภาพจาก Jayme Erickson
เอริกสันเผยว่า ลูกสาวของเธอเป็นเด็กที่ตลก รักเพื่อนและครอบครัว เป็นนักว่ายน้ำที่มีพรสวรรค์ในการแข่งขัน และอยากเป็นทนายความในอนาคต แต่แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะเศร้าการบรรยาย อย่างน้อยอวัยวะของลูกสาวเธอก็จะถูกบริจาคไปเพื่อช่วยเหลืออีก 2 ชีวิต
"มอนทาน่าสามารถมอบของขวัญชิ้นสุดท้ายได้ เธอสามารถบริจาคอวัยวะของเธอได้" เอริกสัน กล่าวทั้งน้ำตา และเผยว่าอย่างน้อยเธอก็ยังยินดี ที่ได้รู้ว่าลูกสาวของเธอจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปผ่านผู้รับบริจาคอวัยวะเหล่านั้น
ภาพจาก Jayme Erickson
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่