เผยคลิปพระพุทธรูปลอยน้ำริมแม่น้ำแม่กลอง
ก่อนพบเป็นหลวงพ่อบ้านแหลม ด้านเจ้าของห้องเย็นจุดธูปนิมนต์บูชา
เชื่อเป็นสิ่งอัศจรรย์คล้ายกับในอดีต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nattapong Ngamsanga
จากกรณีโลกออนไลน์แชร์เรื่องราวการพบ พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร ลอยอยู่กลางแม่น้ำแม่กลอง ก่อนที่เจ้าของห้องเย็นบริเวณดังกล่าว จะทำการจุดธูปนิมนต์ขึ้นมาสักการบูชานั้น
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 เพจเฟซบุ๊ก โหนกระแส รายงานว่า คุณจงจิตต์ วนาดรวรวิศาล เจ้าของห้องเย็นดวงใจสมุทร จ.สมุทรสงคราม เผยว่า มีคนงานในโรงงานเห็นวัตถุสีเหลืองคล้ายกับพระลอยอยู่ในน้ำ ซึ่งสร้างความตะลึงให้กับผู้ที่พบเห็นอย่างมาก โดยต่างลุ้นให้คลื่นซัดสิ่งนั้นเข้ามาบริเวณริมเขื่อนหน้าห้องเย็น
จนกระทั่งคลื่นซัดวัตถุดังกล่าวเข้ามา จึงพบว่าเป็นรูปจำลองหลวงพ่อบ้านแหลม ฐานประมาณ 22 นิ้ว สูง 19 นิ้ว แต่ไม่ได้เป็นเนื้อทองเหลือง น่าจะเป็นเนื้อเรซิ่นที่หล่อมา จึงสามารถลอยน้ำได้ โดยลักษณะของพระยังสมบูรณ์สวยงาม ยังไม่สามารถสันนิษฐานได้ว่าลอยมาจากไหน
เจ้าของห้องเย็น เผยว่า เรื่องราวนี้ถือเป็นสิ่งที่อัศจรรย์อย่างมาก เนื่องจากอดีตหลวงพ่อบ้านแหลมที่วัดเพชรสมุทรก็ลอยน้ำมาเหมือนกัน โดยขณะนี้เป็นที่พูดถึงกันทั่วทั้งจังหวัด ตนรู้สึกดีใจที่มีหลวงพ่อบ้านแหลมลอยมาติดที่หน้าบ้าน และได้ทำพิธีจุดธูปจุดเทียนอัญเชิญเข้าบ้านที่ห้องพระเพื่อกราบไหว้บูชาต่อไป
ล่าสุด เฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าว หลังมีคนเกิดความสงสัยว่าหากหล่อพระจากเรซิ่น แล้วทำไมถึงลอยน้ำได้ ทำไมไม่จมน้ำ โดย อาจารย์เจษฎ์ ยืนยันว่า "ถึงทำจากเรซิ่น ก็ลอยน้ำได้ครับ"
พร้อมอธิบายว่า เรื่องนี้ ก็คล้ายกับเรื่องเก่าในอดีต ที่มีคนพบพระพุทธรูปทำจากโลหะ แต่ลอยน้ำได้ ซึ่งคำตอบทางวิทยาศาสตร์ก็คือ ต้องดูจากเรื่องของ "ความหนาแน่น" ของวัตถุนั้น
ความหนาแน่น (density) คือมวลของวัตถุนั้นต่อ 1 หน่วยปริมาตร ถ้าวัตถุใดที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ก็สามารถจะลอยน้ำได้ แม้ว่ามันจะมีมวลหรือน้ำหนักมากก็ตาม เพียงแค่ว่าตัวมันเองมีปริมาตรสูง มันก็ลอยน้ำได้
ตัวอย่างเช่น แม้จะเป็นพระพุทธรูปโลหะขนาดใหญ่ แต่ถ้าทำให้ด้านในกลวง ก็จะทำให้โดยรวมแล้วมีความหนาแน่นน้อยลง ตามปริมาตรที่มากขึ้นเทียบกับน้ำหนักของโลหะที่เอามาทำ
สำหรับเรซิ่นนั้น จริง ๆ คือพลาสติกกลุ่ม polyester ที่เป็นของเหลว และสามารถนำมาหล่อขึ้นรูปให้เป็นของแข็งได้ ซึ่งถ้าพระพุทธรูปที่พบนั้นทำจากเรซิ่น แต่ด้านในกลวง ก็จะมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ และสามารถลอยน้ำได้เช่นกัน
หรือถ้าจะทำให้เบาขึ้นอีก ก็สามารถผสมสารที่เรียกว่า "ผงเบา" หรือ "ไมโครบอลลูน" จะช่วยเพิ่มช่องว่างของอากาศเข้าไปในเนื้อของเรซิ่นมากขึ้น ซึ่งก็ทำให้ความหนาแน่นของเรซิ่นที่ผสมไมโครบอลลูนนี้ ออกมาน้อยกว่าความหนาแน่นของน้ำ และลอยน้ำได้ครับ (หลักการคล้ายกับแผ่นโฟมโพลีสไตลีน สีขาว ๆ ที่ลอยน้ำได้นั้น ก็เนื่องจากมีรูพรุนที่สะสมอากาศ แทรกอยู่ในเนื้อโฟมถึง 80-90% ทีเดียว)
พร้อมอธิบายว่า เรื่องนี้ ก็คล้ายกับเรื่องเก่าในอดีต ที่มีคนพบพระพุทธรูปทำจากโลหะ แต่ลอยน้ำได้ ซึ่งคำตอบทางวิทยาศาสตร์ก็คือ ต้องดูจากเรื่องของ "ความหนาแน่น" ของวัตถุนั้น
ความหนาแน่น (density) คือมวลของวัตถุนั้นต่อ 1 หน่วยปริมาตร ถ้าวัตถุใดที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ก็สามารถจะลอยน้ำได้ แม้ว่ามันจะมีมวลหรือน้ำหนักมากก็ตาม เพียงแค่ว่าตัวมันเองมีปริมาตรสูง มันก็ลอยน้ำได้
ตัวอย่างเช่น แม้จะเป็นพระพุทธรูปโลหะขนาดใหญ่ แต่ถ้าทำให้ด้านในกลวง ก็จะทำให้โดยรวมแล้วมีความหนาแน่นน้อยลง ตามปริมาตรที่มากขึ้นเทียบกับน้ำหนักของโลหะที่เอามาทำ
สำหรับเรซิ่นนั้น จริง ๆ คือพลาสติกกลุ่ม polyester ที่เป็นของเหลว และสามารถนำมาหล่อขึ้นรูปให้เป็นของแข็งได้ ซึ่งถ้าพระพุทธรูปที่พบนั้นทำจากเรซิ่น แต่ด้านในกลวง ก็จะมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ และสามารถลอยน้ำได้เช่นกัน
หรือถ้าจะทำให้เบาขึ้นอีก ก็สามารถผสมสารที่เรียกว่า "ผงเบา" หรือ "ไมโครบอลลูน" จะช่วยเพิ่มช่องว่างของอากาศเข้าไปในเนื้อของเรซิ่นมากขึ้น ซึ่งก็ทำให้ความหนาแน่นของเรซิ่นที่ผสมไมโครบอลลูนนี้ ออกมาน้อยกว่าความหนาแน่นของน้ำ และลอยน้ำได้ครับ (หลักการคล้ายกับแผ่นโฟมโพลีสไตลีน สีขาว ๆ ที่ลอยน้ำได้นั้น ก็เนื่องจากมีรูพรุนที่สะสมอากาศ แทรกอยู่ในเนื้อโฟมถึง 80-90% ทีเดียว)
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nattapong Ngamsanga
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nattapong Ngamsanga
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nattapong Ngamsanga
ขอบคุณข้อมูลจาก เพจเฟซบุ๊ก โหนกระแส, เฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์