รวบตัว หนุ่ม 23 คนร้ายขี่รถประกบยิงกระบะพี่น้องช่างเฟอร์นิเจอร์ เสียชีวิต 1 ศพ พบมีอาการหลอนยาหนัก ให้ปากคำไม่ได้
ภาพจาก ขันข่าวเช้าตรู
จากกรณี วันที่ 26 ตุลาคม 2566 เมื่อเวลา 18.30 น. เกิดเหตุคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ยิงใส่รถกระบะตู้ทึบของคนงานเฟอร์นิเจอร์ บนถนนลำลูกกาช่วงคลอง 7 จ.ปทุมธานี ส่งผลให้ นายโกวิทย์ อายุ 47 ปี ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสารเสียชีวิต โดยพบว่าคนร้ายใช้อาวุธปืน .380 ซึ่งยังไปก่อเหตุยิงใส่รถคันอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เดลินิวส์ รายงานว่า นายมานะ อายุ 43 ปี คนขับรถกระบะ เล่าว่า ตนกับพี่ชายขับรถกำลังจะไปบริษัท แต่เมื่อขับรถมาถึงบริเวณคลอง 8 ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนที่จะไฟเขียวแล้วจึงขับออกมา เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์ ไม่ทราบสีทะเบียน ขี่มาประกบข้างและจ่อยิงอีก 1 นัดจนทำให้พี่ชายเสียชีวิต ก่อนที่คนร้ายจะขับรถมุ่งหน้าไฟแดงคลอง 7 และยูเทิร์นกลับ จากนั้นก็ไปก่อเหตุไล่ยิงรถฝั่งตรงข้าม ซึ่งตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกสองนัด แล้วคนร้ายก็หลบหนีไป ยืนยันว่าไม่ทราบถึงสาเหตุที่โดนยิง เพราะตนกับพี่ชายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร
ล่าสุด (27 ตุลาคม) เดลินิวส์ รายงานว่า เมื่อเวลา 01.00 น. ตำรวจ สภ.ลำลูกกา จับกุม นายพิพัฒน์ หรือเกรียง อายุ 23 ปี พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และ อาวุธปืนขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก โดยจับกุมได้ที่บ้านพักหลังหนึ่งย่านคลอง 9 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
การจับกุมครั้งนี้ตำรวจได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางประกอบกับมีพลเมืองดีให้ข้อมูลจนสามารถไปจับกุมตัว นายพิพัฒน์ ได้พร้อมของกลาง จึงนำตัวกลับมาที่ สภ.ลำลูกกา ผลตรวจปัสสาวะเบื้องต้นพบมีการใช้สารเสพติด ตรวจสอบประวัติพบว่าครั้งเป็นเยาวชน เคยก่อเหตุฆ่าคนเมื่อปี 2559 ในพื้นที่ สน.หนองจอก และปี 2561 เคยถูกจับคดียาเสพติดพื้นที่ สภ.ลำลูกกา เบื้องต้นยังสอบปากคำไม่ได้เพราะผู้ต้องหายังพูดวกไปวนมา จึงนำตัวไปตรวจสอบเขม่าดินปืนที่มือเพื่อใช้เป็นหลักฐาน และจะนำไปตรวจคัดแยกสารเสพติด เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ต้องหาต่อไป
หลังคนร้ายถูกจับกุมตัว นายมานะ คนขับรถกระบะที่ถูกยิง รู้สึกขอบคุณตำรวจ สภ.ลำลูกกา ที่จับตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดใจว่า คนตายเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานอยู่ในพื้นที่นี้ จากนั้นก็กลับไปอยู่บ้านนอก เพิ่งจะกลับมาทำงานได้เพียง 3 เดือนเพราะว่ามีลูก 3 คนที่ต้องดูแล ส่วนศพของพี่ชายจะนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.สุรินทร์ ต่อไป
ภาพจาก ขันข่าวเช้าตรู
ภาพจาก ขันข่าวเช้าตรู
ภาพจาก ขันข่าวเช้าตรู
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ปทุมธานีที่นี่มีแต่เรื่อง
ภาพจาก ขันข่าวเช้าตรู
จากกรณี วันที่ 26 ตุลาคม 2566 เมื่อเวลา 18.30 น. เกิดเหตุคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ยิงใส่รถกระบะตู้ทึบของคนงานเฟอร์นิเจอร์ บนถนนลำลูกกาช่วงคลอง 7 จ.ปทุมธานี ส่งผลให้ นายโกวิทย์ อายุ 47 ปี ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสารเสียชีวิต โดยพบว่าคนร้ายใช้อาวุธปืน .380 ซึ่งยังไปก่อเหตุยิงใส่รถคันอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เดลินิวส์ รายงานว่า นายมานะ อายุ 43 ปี คนขับรถกระบะ เล่าว่า ตนกับพี่ชายขับรถกำลังจะไปบริษัท แต่เมื่อขับรถมาถึงบริเวณคลอง 8 ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนที่จะไฟเขียวแล้วจึงขับออกมา เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์ ไม่ทราบสีทะเบียน ขี่มาประกบข้างและจ่อยิงอีก 1 นัดจนทำให้พี่ชายเสียชีวิต ก่อนที่คนร้ายจะขับรถมุ่งหน้าไฟแดงคลอง 7 และยูเทิร์นกลับ จากนั้นก็ไปก่อเหตุไล่ยิงรถฝั่งตรงข้าม ซึ่งตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกสองนัด แล้วคนร้ายก็หลบหนีไป ยืนยันว่าไม่ทราบถึงสาเหตุที่โดนยิง เพราะตนกับพี่ชายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร
ล่าสุด (27 ตุลาคม) เดลินิวส์ รายงานว่า เมื่อเวลา 01.00 น. ตำรวจ สภ.ลำลูกกา จับกุม นายพิพัฒน์ หรือเกรียง อายุ 23 ปี พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และ อาวุธปืนขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก โดยจับกุมได้ที่บ้านพักหลังหนึ่งย่านคลอง 9 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
การจับกุมครั้งนี้ตำรวจได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางประกอบกับมีพลเมืองดีให้ข้อมูลจนสามารถไปจับกุมตัว นายพิพัฒน์ ได้พร้อมของกลาง จึงนำตัวกลับมาที่ สภ.ลำลูกกา ผลตรวจปัสสาวะเบื้องต้นพบมีการใช้สารเสพติด ตรวจสอบประวัติพบว่าครั้งเป็นเยาวชน เคยก่อเหตุฆ่าคนเมื่อปี 2559 ในพื้นที่ สน.หนองจอก และปี 2561 เคยถูกจับคดียาเสพติดพื้นที่ สภ.ลำลูกกา เบื้องต้นยังสอบปากคำไม่ได้เพราะผู้ต้องหายังพูดวกไปวนมา จึงนำตัวไปตรวจสอบเขม่าดินปืนที่มือเพื่อใช้เป็นหลักฐาน และจะนำไปตรวจคัดแยกสารเสพติด เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ต้องหาต่อไป
หลังคนร้ายถูกจับกุมตัว นายมานะ คนขับรถกระบะที่ถูกยิง รู้สึกขอบคุณตำรวจ สภ.ลำลูกกา ที่จับตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดใจว่า คนตายเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานอยู่ในพื้นที่นี้ จากนั้นก็กลับไปอยู่บ้านนอก เพิ่งจะกลับมาทำงานได้เพียง 3 เดือนเพราะว่ามีลูก 3 คนที่ต้องดูแล ส่วนศพของพี่ชายจะนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.สุรินทร์ ต่อไป
ภาพจาก ขันข่าวเช้าตรู
ภาพจาก ขันข่าวเช้าตรู
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ปทุมธานีที่นี่มีแต่เรื่อง