ธนาคารโลกและบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ หรือ International Finance Corp. (ไอเอฟซี) ได้แถลงผ่านระบบเทเลคอนเฟอร์เรน จากกรุงวอชิงตันดีซี ประเทศสหรัฐมายังประเทศไทย จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ถึงการจัดอันดับความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจ ประจำปี 2552 (Doing Business 2009)
โดย ไอเอฟซี ระบุข้อมูลเดือนกรกฎาคม 2550 มิถุนายน 2551 ธนาคารโลกและไอเอฟซี ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่สะดวกในการประกอบธุรกิจอันดับที่ 13 จาก 181 ประเทศทั่วโลกและเป็นลำดับที่ 4 ในเอเชีย ดีขึ้นจากการสำรวจครั้งที่แล้วที่อยู่อันดับ 19
ขณะที่ประเทศสิงคโปร์ครองตำแหน่งประเทศที่ง่ายที่สุดต่อการทำธุรกิจ 3 ปีซ้อน อันดับ 2 นิวซีแลนด์ อันดับ 3 สหรัฐ อันดับ 4 ฮ่องกง และจีน อันดับ 5 เดนมาร์ก
นางสาวกิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า เหตุผลที่ประเทศไทยได้เลื่อนอันดับมา 6 ลำดับ เนื่องจากมีการยกระดับการให้บริการ ลดค่าธรรมเนียม และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการยื่นเอกสารชำระภาษีทางอินเทอร์เน็ต ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่มีรายได้ 1.2 ล้านบาท หรือน้อยกว่า 1.2 ล้านบาท แก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อป้องกันสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย ลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์และลดภาษีธุรกิจบางประเภท จากร้อยละ 6.3 เหลือร้อยละ 1.1 การใช้ระบบอีคาสตอมมาใช้กับการนำเข้าและส่งออกสินค้า ทำให้มีความรวดเร็วในระบบศุลกากรมากขึ้น
สำหรับการจัดอันดับดังกล่าวจัดขึ้นประจำทุกปี โดยมีดัชนีชี้วัด 10 ด้าน คือ การเริ่มต้นธุรกิจ การขออนุญาตก่อสร้าง การจ้างงานและเลิกจ้าง การจดทะเบียนทรัพย์สิน การได้รับสินเชื่อ การคุ้มครองผู้ลงทุน การชำระภาษี การค้าระหว่างประเทศ การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และการปิดกิจการ ทั้งนี้ไม่ได้รวมผลกระทบจากปัญหาการเมืองของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่นักลงทุนจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะมีผลต่อการลงทุนอย่างไร
นางสาวกิริฎา กล่าวอีกว่า ประเทศจีนได้ปรับปรุงกฎระเบียบของภาครัฐมากมาย โดยเฉพาะการลดขั้นตอนการกู้เงินเพื่อทำธุรกิจ การชำระภาษี ขณะที่ประเทศไทย กัมพูชา และมาเลเซีย ก็มีการลดขั้นตอนทางธุรกิจ ทั้งการจดทะเบียนธุรกิจ จดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ ตามหลังประเทศจีนมาติด ๆ และประเทศที่เป็นผู้นำของโลกในเรื่องการลดขั้นตอนทางราชการปีนี้ คือ อาร์เซอร์ไบจัน ปฏิรูปกฎระเบียบถึง 7 หมวด จากทั้งหมด 10 หมวด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Inn News