x close

แดน ขอเติมไฟ แสวงหาสิ่งใหม่

แดน - วรเวช ดานุวงศ์



          เงียบหายไปนานหลัง "แดน-บีม" ประกาศแยกตัว สำหรับอดีตนักร้องค่ายอาร์เอส "แดน"วรเวช ดานุวงศ์ พอโผล่มาอีกทีก็กลายเป็นข่าวครึกโครมเมื่อโผไปซบค่ายเพลงโซนี่ แถมยังลงเป็นผู้จัดผลิตละครป้อนช่อง 3 วันนี้ได้จังหวะเหมาะ หนุ่มแดนปลีกวันว่างมาพูดคุยถึงช่วงที่หายหน้าและการทำงานในอนาคต

  ช่วงที่ผ่านมาแดนหยุดไปไหนมา?

          แดน : เรียนอย่างเดียวเลยครับ เกี่ยวกับซาวด์เอนจิเนียร์ ได้อนุปริญญาครับ ซึ่งความตั้งใจของแดนคงจะพักทำงานก่อนสักพักแล้วค่อยไปเรียนต่ออีกหนึ่งปี ถึงจะจบปริญญาตรี แล้วอาจจะเรียนต่อโท ยังไงแดนก็ไม่ทิ้งเรียน

  ขอย้อนไปวันที่ประกาศยุบวง "แดน-บีม" ตอนนั้นอะไรทำให้คิดแบบนั้น?

          แดน : มันไม่ได้เกิดจากตัวแดน ตอนนั้นเรายังมีสัญญากับทางบริษัท กำลังทำอัลบั้มชุด 3 แล้วก็กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ แต่ทีนี้ทางบริษัทตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ต้องแยกกัน แดนรู้ก่อนหน้านั้น 2 วันเอง ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่างง คนที่แจ้งให้ผมทราบว่าจะมีการประกาศแยกวงเป็นคนในบริษัท

  มันเป็นการตัดสินใจเลยมั้ยว่าจะไม่เซ็นสัญญาต่อแล้ว?

          แดน : ไม่ครับ คือตอนนั้นแดนก็อยากจะพักอยู่แล้วด้วย เมื่อก่อนอาทิตย์หนึ่งมีว่างวันหนึ่งก็ดีแล้ว เดือนหนึ่งมีว่างไม่เกิน 3 วัน ขอพักหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้พักสักที เพราะมันมีงานเรื้อรัง เมื่อก่อนพอเราจะหยุดพี่บีมก็ทำงานไม่ได้ พอพี่บีมหยุดแดนก็ทำงานไม่ได้ มันต้องห่วงกัน ตอนนี้โอเคแดนขอพักแล้วกัน ส่วนพี่บีมก็ลุยงานไปคนเดียวถ้าเกิดเขาไหว จนตอนนี้พี่บีมก็มีอัลบั้มเดี่ยวออกมา

  แล้วทำไมแดนต้องย้ายค่าย?

          แดน : แดนอยากเจอคนใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ อยากให้ตัวเองอยู่ในโลกที่กว้างขึ้น เราโตแล้ว วันหนึ่งเราต้องเดินด้วยตัวเอง คงมีใครพยุงเราไว้นานๆ ไม่ได้ แล้วก็ขอลองเจอปัญหาจากความคิดของตัวเอง และแก้ปัญหาจากการตัดสินใจของตัวเอง เลยตัดสินใจว่าคงต้องย้ายที่ทำงาน ไม่ได้บอกว่าที่ทำงานเก่าไม่ดี สมมติเราทำงานอยู่ที่หนึ่ง เพื่อนที่ทำงานก็ดี เจ้านายก็โอเค แต่วันหนึ่งเกิดรู้สึกว่าเวลาพูดคุยกันก็คุยกันเรื่องเดิม เข้าประชุม วิธีการประชุมก็เหมือนเดิมที่เรารู้สึกว่าเรารู้หมดแล้ว เข้าประชุมกี่ทีก็ประชุมอย่างนี้ พออยู่ที่เดิมนานๆ เหมือนว่าไฟในการทำงานของตัวเริ่มนิ่งไป

  เหมือนว่าตอนอยู่ที่เก่าไม่สามารถออกความคิดเห็นอะไรได้เต็มที่ เพราะต้องผ่านผู้ใหญ่ก่อนหรือเปล่า?

          แดน : เพราะว่าเราดูเด็กเสมอในสายตาของเขา เราโตจากบ้านเขา เราอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็ก ซึ่งก็เหมือนกับพ่อแม่ เขาจะเห็นเราเป็นเด็กตลอด ถึงเราจะอายุ 30-40 แล้วก็ตาม แต่ในวันที่เราอายุ 30 เราเดินออกไปจากบ้าน คนอื่นก็มองว่าเราแก่เหมือนกัน มีประสบการณ์เยอะเหมือนกัน พูดอะไรคนก็ฟังมากขึ้น เลยตัดสินใจขอเดินออกจากบ้านไปลองใช้ชีวิตดูหน่อยก็แล้วกัน

  คิดอยู่นานมั้ยกว่าจะตัดสินใจย้ายค่าย?

          แดน : นานครับ คิดอยู่หลายปี แดนเริ่มคิดมาเรื่อยๆ แดนบีมชุดหนึ่งผ่านไปแล้ว มาชุดสอง ชุดสามแล้ว มันเริ่มนิ่งแล้วเหมือนเป็นการตอกบัตร เหมือนทำงานประจำ

  พอมาอยู่ที่ใหม่ต้องทำงานเอง ดูแลตัวเองรู้สึกอย่างไรบ้าง?

          แดน : รู้สึกตื่นเต้นครับ แล้วก็รู้สึกว่ากำลังสนุก ได้คิดได้ฟังสิ่งที่เขาพูด ได้มีส่วนร่วมมากขึ้น และทุกคนก็ฟังเรามากขึ้น ซึ่งงานที่ออกมามันเป็นตัวตนเราเต็มที่ แต่ไม่ได้บอกว่าอยู่อาร์เอสแล้วไม่เต็มที่นะ แต่แดนแค่อยากออกมา ได้ทำอะไรใหม่ ได้ใช้ชีวิต เพราะที่นี่ดูแลแดนแค่ครึ่งตัว งานเพลงอยากทำเมื่อไรก็บอก หนัง ละคร ถ้าอยากเล่นก็เล่น มันอยู่ที่เรา เรากำหนดชีวิตตัวเองมากขึ้น

  แว้บหนึ่งมีความรู้สึกกลัวบ้างมั้ย เพราะที่ผ่านมาจะมีคนดูแลให้ตลอด แต่ตอนนี้ผิดหรือถูกเราต้องรับเองคนเดียวเต็มๆ?

          แดน : นี่คือสิ่งที่แดนต้องการ ถ้ามันจะพังก็ขอให้พังด้วยมือเราเองเถอะ เราใช้ชีวิตมานานมากแล้วกับการที่ใช้ชีวิตในเส้นทางที่ถูกขีดไว้ เป็นนักร้องมา 7-8 ปี จริงๆ จุดอิ่มตัวมันถึงมานานแล้ว แต่ว่าเราคิดว่าตัวเรามีอะไรที่ยังไม่ได้นำเสนออีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นแนวเพลง การแต่งเพลง คนอาจจะคิดว่าแดนอายุเยอะ เพราะอยู่มานาน จริงๆ แดนอายุ 24 เองนะ

  นอกจากงานเพลงแดนก็เป็นผู้จัดละครด้วย?

          แดน : เราไม่ได้เป็นผู้จัด แดนทำละครไม่เป็น เราเป็นแค่หุ้นส่วนหนึ่ง แต่คนอาจจะรู้จักแดนกัน ก็เลยคิดว่าเราเป็นตัวตั้งตัวตี ถ้าเกิดแดนจะทำงานเบื้องหลัง แดนเลือกทำหนังหรือกำกับเอ็มวีมากกว่า เพราะละครรายละเอียดมันเยอะ แล้วแดนเป็นคนที่สมาธิสั้น

  ถ้าให้เปรียบเทียบชีวิตแดนตั้งแต่เริ่มโตขึ้นจนเข้าวงการเป็นนักร้อง ถนนที่แดนมาเป็นถนนแบบไหน?

          แดน : ถนนลูกรังชัดๆ มันไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ เวลาจะทำอะไรต้องสู้ด้วยตัวเอง ต้องเค้นทุกอย่างออกมานำเสนอว่าเราทำได้จริงๆ นะ เชื่อผมเถอะ เชื่อผมเถอะ ผมทำได้ แดนพูดคำนี้บ่อยมาก จนวันนี้ได้พูดคำนี้น้อยลงแล้ว แถมไม่ต้องพูดแล้ว พูดอะไรไม่ต้องมีคำว่าเชื่อผมเถอะต่อท้ายแล้ว มันก็ภูมิใจเหมือนกันนะที่วันนี้เราก็ทำให้มาตรงนี้ได้ ทำให้คนเชื่อเราได้

          ในเรื่องงานแดนจะเป็นคนที่คิดอะไรก็พูด แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นแดนจะไม่ค่อยพูด แดนเป็นคนที่เกรงใจคน แดนทำงานกับผู้ใหญ่ทั้งหมดไม่ค่อยได้ เพราะแดนไม่ค่อยกล้าพูดกับเขาว่าผมไม่ชอบงานตรงนี้ เพราะแดนไม่กล้าแก้งานใคร เพราะฉะนั้นแดนต้องทำงานกับเพื่อน หรือไม่ก็ต้องเป็นรุ่นน้องอย่างเดียว เราถึงจะกล้าพูดกล้าบอก

  กับวงการบันเทิง ทั้งการเป็นนักร้องและเป็นนักแสดงแดนวางแผนอนาคตไว้อย่างไรบ้าง?

          แดน : เรื่องเพลงก็ทำไปเรื่อยๆ จนไม่มีใครฟังแล้วก็หยุด ก็คงเหมือนกับการเป็นนักแสดง เล่นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีคนจ้างครับ

          นี่แหละ ตัวตนจริงของ "แดน-วรเวช" ผู้ไม่ยอมหยุดนิ่ง



  ช่างจินตนาการ



แดน - วรเวช ดานุวงศ์



          เพราะเป็นลูกชายคนเล็ก เลยทำให้พ่อแม่โอ๋นักร้องหนุ่ม "แดน-วรเวช" เป็นพิเศษ ฉะนั้นเวลาทำอะไรไม่ว่าผิดหรือถูก พี่ชายคนเดียวของเขาจึงถูกทำโทษก่อนทุกครั้ง

          ในวัยเด็ก แดนเป็นเด็กที่ซน ซนขนาดไหนนั้น เขาเล่าว่า "ผมเป็นเด็กสุพรรณบุรี อยู่บ้านเช่า คนละแวกบ้านก็เป็นรุ่นพี่ทั้งหมด เลยจะทำอะไรที่ห่ามหน่อย พาไปโดดเขื่อน โดดคลองบ้าง เราก็ตามเขาไป ว่ายน้ำก็ไม่เป็น พอไปกระโดดกับเขาก็จมน้ำ ต้องงมหากัน เกือบตายเพราะจมน้ำมาหลายครั้ง แต่เราก็ใจถึง ซึ่งตอนนี้ผมว่ายน้ำเป็นแล้วครับ"

          และสาหตุที่ตัดสินใจโดดน้ำทั้งๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น นักร้องหนุ่มให้เหตุผลว่าเพราะกลัวเสียฟอร์ม

          แดนเป็นเด็กเรียนเก่ง แต่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน ชอบทำกิจกรรม ไม่ชอบอยู่ในกฎ

          ช่วงมัธยมต้น ติดเพื่อน โดดเรียนกระจาย และวีรกรรมที่ทำให้ไม่เคยลืม คือตอนอยู่ ม.3 แข่งมอเตอร์ไซค์แล้วเกิดคว่ำ เพื่อนที่ซ้อนท้ายต้องผ่าตัดสมอง ส่วนตัวเองหน้าไถลไปกับพื้นคอนกรีต ต้องเย็บ แม่เห็นพฤติกรรมแล้วทนไม่ไหว จึงส่งมาเรียนมัธยมปลายที่กรุงเทพ ร.ร.บดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)

          มาอยู่กรุงเทพฯเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับแดน ด้วยเขาเป็นคนที่เข้ากับคนยาก พอเป็นเด็กใหม่ในโรงเรียนจึงเป็นปัญหา โดยเฉพาะการพูดเสียงเหน่อตามสไตล์คนสุพรรณ ที่ถูกเพื่อนล้อจนเขาทนไม่ไหว

          แดน : เราพูดเหน่อ เพื่อนก็จะหัวเราะใหญ่ ล้อว่าบ้านนอก ตามมาล้อบนรถเมล์สาย 8 จำได้เลย เราจะกลับบ้านรู้สึกว่าจะล้ออะไรกูนักหนา ล้อๆ ไปแดนต่อยบนรถเมล์เลยเพราะไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นเพื่อนกัน

  ถามถึงสาเหตุว่าทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองเข้ากับคนยาก แดนอธิบายว่า

          แดน : อย่างแรกเลยแดนไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา แล้วแดนกลัวการสนทนา กลัวความรู้สึกคน เขาคิดอย่างไรกับเรา บางทีคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะเรามีโลกของเรา เหมือนกับว่าเราอยู่กับคนกลุ่มหนึ่ง สิ่งที่พูดกันเป็นเรื่องฟุตบอล เราก็จะคุยกันอยู่แต่เรื่องนี้ วันหนึ่งพอมาเจอคนใหม่ เขาก็คุยเรื่องใหม่ ซึ่งแดนไม่มีข้อมูลในเรื่องของเขาเลย แดนก็กลัวคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่เอา เดินหนีดีกว่า

  นักร้องหนุ่มยืนยันว่าเขาไม่ใช่เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง แต่อาจเพราะเป็นคิดเยอะ ช่างจินตนาการ ซึ่งถ้าให้อยู่คนเดียว เขาบอกว่า

          แดน : ถ้าให้อยู่จริงๆ ก็อยู่ได้ แต่พอเราอยู่ไปเรื่อยๆ เพื่อนก็เข้ามาเรื่อยๆ ถ้าแดนได้เปิดใจกับใครแล้ว ทุกคนก็จะรู้หมดว่าแดนเป็นคนจริง ให้ก็คือให้

          มิน่า...เพื่อนถึงรักเขานัก

  แปลกใจตัว-วิ่งหนี "สาว" ผวาเป็น "เกย์"

          แดน : แดนยังไม่อยากมีความรักตอนนี้ เพื่อนหาว่าแดนเป็นเกย์หมดแล้ว เพราะแดนวิ่งหนีผู้หญิง" นักร้องหนุ่ม "แดน" วรเวช ดานุวงศ์ หัวเราะในคำตอบของตัวเอง เมื่อถูกถามเรื่องความรัก

          จากนั้นก็กล่าวอีกว่า "มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แดนเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน ที่เป็นแบบนี้เพราะแดนไม่อยากที่จะมีความรู้สึกดีๆ กับใครตอนนี้ แดนไม่อยากมีห่วง แดนไม่อยากให้เขามาเสียใจกับแดนที่แดนทำตัวเหลวใหล แดนให้ความสำคัญกับแฟนเป็นลำดับหลังๆ พ่อแม่ งาน เพื่อน แล้วถึงจะมาเป็นแฟน"

          อย่างช่วงที่ผ่านมาตอนที่หยุดไป เราก็ใช้ชีวิตเต็มที่ อยู่กับเพื่อน บางทีอยากจะพักผ่อนไปเที่ยวผับบ้าง ไปเที่ยวถนนข้าวสาร ได้ใช้ชีวิตเต็มที่ บางทีก็มีผู้หญิงเดินเข้ามาหา แดนกลับบ้านเลย หายแบบจัมเปอร์เลย(หัวเราะ) เห็นแต่ฝุ่น เพื่อนตามหาตัวไม่เจอ แดนกลัวจริงๆ นะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเป็นอย่างนี้ เพื่อนๆ ทุกคนงงหมด

  อะไรที่เป็นสาเหตุให้แดนกลายเป็นจัมเปอร์เวลาเจอผู้หญิง

          แดน : แดนไม่ค่อยเจอคนที่เข้ามาหาเราโดยที่ไม่ได้หวังอะไรจากเรา ทุกคนเข้ามาหาเราอาจจะเพราะชื่อเสียง ทุกคนต้องการที่จะพรีเซ็นต์ว่าเป็นแฟนเรา เป็นเจ้าข้าวเจ้าของเรา เราไม่อยากเป็นแบบนั้น ไม่อยากมีเจ้าของตอนนี้ ยังไม่หยุดที่ใครหรอก อายุแดนแค่นี้เองจะให้เลือกแล้วเหรอ เลยไม่เอาดีกว่า ไม่อยากสานสัมพันธ์กับใคร บางทีก็ลองตัดสินใจคุยกับใครสักคนดู พอคุยๆ เราเริ่มรู้สึกดีกับเขา เขาเริ่มรู้สึกดีกับเรา แดนก็จะหายปิดโทรศัพท์ไม่ยอมรับเลย แดนกลัว

  เมื่อก่อนกลัวผู้หญิงมั้ย

          แดน : ไม่ครับ เมื่อก่อนสู้สุดฤทธิ์(หัวเราะ) แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว

  มันหมดไฟเหรอ

          แดน : (หัวเราะ) เพื่อนๆ ก็บอกว่าเป็นเกย์แน่เลย แต่เราก็มาเช็กตัวเองนะ ไปนั่งดูผู้หญิง คนนี้น่ารัก ยังมองผู้หญิงน่ารักอยู่โอเคแล้วล่ะ แล้วก็มามองผู้ชายเออ...คนนี้หล่อโว้ย เพราะปกติผู้ชายหล่อแดนก็จะบอกว่าหล่อ แต่เราไม่รู้สึกอะไร รู้สึกแค่ว่าอยากหล่อเหมือนเขา แต่ผู้หญิงที่แดนมองไม่อยากสวยเหมือนเขา ที่เราห่วงและเช็กตัวเอง เพราะถ้าเป็นจะได้รู้ตัวและเปิดตัวเต็มที่(หัวเราะ) ไม่ต้องมากั๊ก

  ที่ผ่านมาความรักของแดนแต่ละคนดูไม่ค่อยยาว

          แดน : ตอนที่ยังไม่ได้เป็น ดีทูบี ยาวนะ เป็นปีครับ แต่พอมาเป็นดีทูบีมันไม่นาน เพราะเราอยู่ตรงนี้ เรื่องความเข้าใจเราไม่ค่อยเข้าใจกัน

  แล้วสาว "เบนซ์-มนัญญา" ล่ะ (นักร้องหนุ่มถอนหายใจก่อนกล่าว)

          แดน : ทุกวันนี้เป็นเพื่อนกัน เพราะความรู้สึกแดนบอกแบบนั้นครับ

  แต่ช่วงแรกที่มีข่าวด้วยกัน ตอนนั้นเป็นแฟนกันหรือเปล่า

          แดน : ใช่ครับ แต่พอมันไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน

  สรุปแล้วแดนอยากได้ผู้หญิงแบบไหน

          แดน : อยากได้คนที่จิตใจดี มองโลกในแง่ดี ฉลาดมีไหวพริบ รู้จักการพูดจาดี รู้จักใจเขาใจเรา ที่สำคัญต้องเข้าใจเราว่าเราเป็นคนแบบนี้ แล้วเราก็ต้องเข้าใจเขาเหมือนกัน เพราะทุกสิ่งที่แดนอยากได้ แดนก็พร้อมที่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าแดนจะเห็นแก่ตัวหรือว่าเอาเปรียบคุณ แต่มันยังหาไม่เจอหรอก เพราะคนอย่างเรามันก็หายาก (หัวเราะ)

          ก็เล่นวิ่งหนีหญิงอย่างนี้ เมื่อไหร่จะหาได้สักทีล่ะ

แดน - วรเวช ดานุวงศ์





  ภูมิใจฝีมือตัวเอง


          หากพูดถึงผลงานชิ้นโบแดงของหนุ่ม "แดน" วรเวช ดานุวงศ์ เจ้าตัวบอกต้องเป็นผลงานที่ทำด้วยตนเองทั้งหมด

          แดน : แดนชอบเพลง "นายเจ็บฉันเจ็บ" เป็นเพลงที่แดนแต่งเองให้กับพี่บิ๊ก แดนว่ามันเป็นความภูมิใจของเรา เพราะเพลงมันก็ได้รับกระแสการตอบรับดี และแดนก็ดีใจที่เราได้ทำเพื่อพี่ หลังจากนั้นทุกเพลงที่แต่งก็ชอบ

           แล้วก็รายการ "ไดอารี่ สเปเชี่ยล" ที่ทำเองให้กับช่อง 3 ซึ่งเป็นรายการในวันหยุดนักขัตฤกษ์ หนังสือที่ทำเองก็ชอบ อะไรที่ทำเองแดนชอบทั้งหมด ที่แดนชอบผลงานที่แดนทำทุกชิ้น เพราะแต่ละชิ้นมันได้มาด้วยความยากลำบาก กว่าที่จะผ่านด่านอรหันต์มาได้มันต้องเค้นสุดๆ



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

คอลัมน์ คุยกับดาว
อนงค์ จันทร เรื่อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แดน ขอเติมไฟ แสวงหาสิ่งใหม่ โพสต์เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา 11:23:50 12,294 อ่าน
TOP