x close

นายกฯ เปิดใจ... ผมไม่อยากแข็งแกร่งมากไปกว่านี้


นายกฯ เปิดใจ... ผมไม่อยากแข็งแกร่งมากไปกว่านี้ (กรุงเทพธุรกิจ)

@ แนวทางขับเคลื่อนโครงการ หลัง พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.ผ่านสภาแล้วรัฐบาลมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 อย่างไร

         อภิสิทธิ์ : หลักคือ พ.ร.ก.ตั้งเป้าให้ผ่านวันที่ 22 มิ.ย.นี้ ส่วน พ.ร.บ.กับ พ.ร.บ.งบประมาณ ต้องรอสมัยประชุมนิติบัญญัติ โดยงบประมาณราวๆ เดือนกันยายน ส่วน พ.ร.บ.ยังตอบยากช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการพิจารณาของวุฒิสภาว่าจะเปลี่ยนหรือไม่ แต่ยกไปก่อนได้ เพราะงบประมาณจะออกได้คือ 1 ต.ค. 2552 ส่วนเงิน พ.ร.บ. ยังรอได้

         ตามแผนปีงบประมาณ 2552 (สิ้นสุดเดือน ก.ย.) จะพยายามทำให้ได้ 20,000 ล้านบาท โดยโครงการลงทุนส่วนใหญ่ช่วงแรกจะอยู่ในกระทรวงหลักๆ เช่น คมนาคม เกษตรฯ กระทรวงศึกษาฯ ท่องเที่ยว สาธารณสุข ทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

        ส่วนโครงการที่เหลือจะเข้าสู่ระบบตามปีงบประมาณใหม่ แต่ละโครงการมีรายละเอียดตามกรอบที่วางไว้ ว่าอยู่จังหวัดใดและเป็นโครงการใดบ้าง โครงการลงทุนในปี 2552 เป็นโครงการที่กระจายการใช้เงิน เราไม่มีแนวคิดที่ว่าจะพึ่งโครงการใหญ่ๆ ไม่กี่โครงการ ทุกกระทรวง ทบวง กรมต้องเตรียมตัวให้พร้อม ออกแบบ ประมูล จัดซื้อจัดจ้าง

@ เหตุใดจึงเลือกโครงการขนาดเล็กก่อน

          อภิสิทธิ์ :
เพราะ 1.น่าจะสร้างงานได้มากกว่า 2.เราต้องการความกระจาย 3.การที่เราไม่พึ่งโครงการขนาดใหญ่ แม้โครงการบางอย่างมีปัญหาเราก็มีตัวแทน หากไปใช้เหมือนกับอดีตที่จะมีโครงการเมกะโปรเจค หากเอาเข้าจริง พอโครงการมีปัญหาจะเรื่องเทคนิค หรือเงินกู้ เท่ากับว่าเงินแสนล้านไม่เข้าระบบ หากเป็นโครงการขนาดเล็ก ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่สำคัญโครงการขนาดใหญ่กระตุ้นในประเทศได้น้อย

@ ทำไมเลือกโครงการขนาดเล็กทั้งแหล่งน้ำและถนนปลอดฝุ่น ปัจจุบันยังมีปัญหาล่าช้าอยู่มาก

         อภิสิทธิ์ : คงจำได้ว่ามีการถกเถียงกันมากว่าทำไมเรา ถึงไม่ใช้โครงการเช่นนั้นทั้งแสนล้าน ผมอธิบายมาตลอดว่า เพราะผมรู้ว่าโครงการประเภทนั้นกว่าจะลงได้ต้องไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หลังจากนั้นเราได้ซักซ้อมกับหลายหน่วยงาน เพราะเขาเป็นคนเรียกร้องงบ หมายความว่าต้องเป็นโครงการที่พร้อมใช้ หากไม่พร้อมก็ต้องรอ พ.ร.บ.เงินกู้

@ รัฐบาลจะติดตามการใช้เงินให้รั่วไหลน้อยที่สุดอย่างไร

         อภิสิทธิ์ : การใช้เงินครั้งนี้ ต้องปฏิบัติตามระเบียบราชการอยู่แล้ว สตง.ก็ต้องเข้ามาตรวจสอบ

@ คาดหวังกับเอสพี 2 ไว้กี่เปอร์เซ็นต์

         อภิสิทธิ์ : ช่วงแรกอาจจะเริ่มต้นช้า เหมือนทุกโครงการ แต่เมื่อเข้าปีงบประมาณ 2553 ก็ต้องเร่งเครื่องกันได้ตามปกติ โดยเดือน ส.ค.-ก.ย.มีโครงการบางส่วนแต่อาจขลุกขลักบ้าง

@ เงินกู้ 2 แสนล้านบาท ตาม พ.ร.ก.ที่ลงไปจะทำให้จีดีพีในปี 2553 โตได้ที่ 2-3%จริงหรือไม่

         อภิสิทธิ์ :
เรายังคงตั้งเป้าหมายไว้อย่างนั้น

@ เงินกู้ตาม พ.ร.ก.ที่จะนำไปอุดหนุนรายได้ของรัฐบาลมีจำนวนเท่าใด

         อภิสิทธิ์ :
ความจำเป็นขณะนี้ กระทรวงการคลังได้ประเมินว่าลดลง เพราะเก็บภาษีดีขึ้น ช่วงแรกอาจจะประเมินจำนวนมากถึง 2.8-3 แสนล้านบาท แต่บอกกระทรวงการคลังว่า เราจะมีรายได้จากการเก็บภาษีน้ำมัน จึงทำให้ใช้น้อยลง แต่การนำเงินไปลงทุนก็ไม่เกินกรอบที่กำหนดไว้ แม้จะใช้คำว่าไม่เกิน 2 แสนล้านบาท ขณะนี้บรรจุอยู่ประมาณ 2.44 แสนล้านบาท ทำให้เงินที่นำไปใช้อุดงบประมาณเหลือ 1.5-1.6 แสนล้านบาท หากใช้ไม่หมดก็ไม่ติดใจ และยิ่งต่อไปหากทุกอย่างดีกว่าที่เราคิด ความจำเป็นในการกู้ 4 แสนล้านบาท หลังก็จะลดลง ไม่จำเป็นต้องกู้เต็มจำนวน

@แนวโน้มแล้วจำเป็นน้อยหรือไม่ เพราะรายได้เริ่มกระเตื้องขึ้นแล้ว

         อภิสิทธิ์ :
ผมยังไม่ตายใจ เพราะต่างประเทศโดยเฉพาะในสหรัฐ ยังลุ่มๆ ดอนๆ เดี๋ยวก็มีตัวเลขดี เดี๋ยวก็ยังไม่มั่นใจ คนยังรู้สึกว่าการทำความสะอาดระบบการเงินของเขายังไม่ชัดพอที่จะทำให้มั่นใจว่าจะฟื้นได้ต่อเนื่อง

@ ตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกติดลบมาก ถ้าไตรมาส 2 ติดลบมากอีกจะชี้แจงประชาชนอย่างไร

         อภิสิทธิ์ :
เราต้องประเมินอยู่ตลอดเวลา มีตัวอ้างอิงอยู่ คือ เจอปัญหากันทั้งภูมิภาค อย่างไตรมาสแรก ผมก็พูดมาตั้งแต่ต้นว่า น่าจะเท่ากับหรือหนักกว่าไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ตอนนั้นก็ลบ 4.5% เราก็เห็นสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง ก็ลบมากกว่าเรา มาเลเซียลบใกล้เคียงเรา ผมว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนเข้าใจในยุคนี้ แต่ถ้าคนอื่นเขาดีหมด แล้วเรายังติดอยู่ อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องแล้ว คงไม่มีคำอธิบายแล้ว

@ มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบแรกไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะแจกเช็ค 2 พันบาท

         อภิสิทธิ์ :
ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องนำมาเปรียบเทียบกันถ้าเราไม่ทำ หรือถ้าเราทำอย่างอื่น เช่น การลงทุนของรัฐบาลในโครงการต่างๆ ขนาดทำน้อยๆ ยังเดินไปไม่ได้ ผมคิดว่าการแจกเช็คช่วยชาติ เบี้ยยังชีพ เรียนฟรี เงินออกแน่นอน ถามว่าถ้าไม่ทำจะเป็นอย่างไร ความล้มเหลวตรงนั้นมีอยู่อันเดียวคือ ถ้าทำไปแล้วปรากฏว่าชาวบ้านเก็บเงินไว้เฉยๆ ผมก็ดูจากตัวเลขจากการไปสำรวจ การเก็บตัวอย่าง

         จากการสอบถามคนที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคขาย ค่อนข้างยืนยันตรงกันว่าคนใช้ไม่ได้เก็บเงินเอาไว้ เพราะฉะนั้นการทำตรงนั้นจึงมีส่วนช่วย ถ้าไม่ทำคงติดลบมากกว่านี้ อย่าลืมว่าขนาดที่เราทำได้ 1 แสนกว่าล้านบาทรอบแรก ก็มีขนาดเล็กเพียง 1.5% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่เขากระตุ้นเขาประกาศ 9% ของจีดีพี แต่วันนี้เราประกาศโครงการเอสพี 2 ที่ 10%ของจีดีพีถือว่าเยอะ แต่มันเป็นการลงทุนช่วง 3 ปี แต่วันนั้นที่เราเข้ามาจะทำยอดนี้เลยคงทำไม่ได้

@ การบริหารนโยบายการเงิน-การคลังของรัฐบาล จะทำให้เกิดความสมดุลอย่างไร เรื่องค่าเงินบาท และการปล่อยสินเชื่อ

         อภิสิทธิ์ :
ผมก็ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำเท่าที่เราทำ เพื่อให้มีการปล่อยสินเชื่อ คือแบงก์ชาติใช้นโยบายดอกเบี้ยที่เอื้อต่อการขยายตัว รัฐบาลก็พยายามเข้าไปทำเรื่องการประกันความเสี่ยง กำหนดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อที่เป็นเป้าหมายของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย บสย. และเอสเอ็มอี ก็จะเพิ่มทุนให้แบงก์เฉพาะกิจ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าเริ่มต้นช้า แต่ตอนนี้เขาก็บอกว่ากำลังเร่งเครื่องจะทำให้อัตราการขยายตัวดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ตัวหลัก

         ส่วนใหญ่มันเป็นระบบธนาคารพาณิชย์ ผมก็ยังมีจุดยืนว่าเราคงไปบังคับไม่ได้ เราทำธุรกิจได้ดีกว่าเขาไม่ได้ เพียงแต่รู้ว่ามันเป็นสภาพที่คนจะหงุดหงิด และเหมือนกันทั่วโลก ถ้าดูรายการทีวีทั่วโลกก็จะเห็นว่า ทำอย่างไรที่จะด่านายแบงก์ได้ แม้แต่ประเทศที่เจริญแล้ว ผมเปิดทีวีที่ไหนก็จะเหมือนกันหมด ตรงนี้ก็เป็นปัญหา

         ส่วนอัตราแลกเปลี่ยน ผมก็จะบอกว่า คุณไปถาม ธปท.สิ ผมก็จะบอกว่าเขาตอบแน่เท่าที่เขาตอบได้ คุณคิดว่าเขานั่งอยู่เฉยๆ หรือ ขอใช้คำนี้ก็แล้วกัน แต่ผมก็กำลังให้การบ้านกระทรวงการคลังไปแล้วว่า มีวิธีการอะไรที่จะช่วยไม่ให้เงินมันแข็ง ซึ่งบางประเทศทำขณะนี้คือ เวลาเงินไหลเข้า ก็หาทางเอาเงินเหล่านี้ไปซื้อน้ำมันหรือซื้ออย่างอื่น เพื่อสต็อกไว้ ก็ให้โจทย์กระทรวงการคลังไปดำเนินการ

         แต่ถ้าถามใจผมว่า อยากให้ค่าเงินบาทอยู่ตรงไหน คิดว่าผมคงคิดไม่ต่างจากภาคเอกชน แต่ถามว่าเห็นใจและเข้าใจแบงก์ชาติไหม ผมก็เข้าใจและเห็นใจ แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับทุนสำรอง เพราะถ้าเอาเงินสำรองออกมาใช้ยิ่งทำให้เงินยิ่งแข็ง

@ มีการมองว่าที่ผ่านมารัฐบาลใช้นโยบายการคลังไปจนสุดทางแล้ว แต่นโยบายการเงินไม่ขับเคลื่อน

         อภิสิทธิ์ :
นโยบายการเงินใครว่าไม่ขับเคลื่อน อัตราดอกเบี้ยลดลงมาแล้ว 2.5% และดอกเบี้ยเงินฝากจะ 0% แล้ว ยังไม่สุดหรือ หรืออาจจะสุดแต่ยังไม่สะใจใช่ไหม อย่าใช้คำว่าดีพอ..

@ แสดงว่านายกฯ พอใจกับการดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท. 

         อภิสิทธิ์ :
ผมพอใจกับการทำงานร่วมกับ ธปท.ว่าเขาเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไร เห็นตรงกันเรื่องเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ผมรู้ว่าเขามีข้อจำกัดอะไร และก็กฎหมายใหม่กติกาใหม่ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้ เช่นซอฟท์โลนหรืออะไรต่างๆ ผมเข้าใจดี

@ รัฐบาลจะหาเงินจากที่ไหนมาใช้หนี้เงินกู้ หากเศรษฐกิจต่างประเทศยังไม่ดี

         อภิสิทธิ์ :
ขณะนี้ทุกประเทศ หนี้สาธารณะขยับขึ้นหมด และไปทั้งแผง เช่น 40% ขยับไป 60% หรือคนที่อยู่ 60% ก็ไป 90% หรือญี่ปุ่นก็ไป 100%กว่า จริงๆ แล้วความน่าเชื่อถือของประเทศเมื่อเทียบกับประเทศอื่นแล้ว ไม่มีใครเสียเปรียบใครขณะนี้ และองค์กรระหว่างประเทศที่คอยติดตามเรื่องเสถียรภาพ ก็ยอมรับกลายๆ อยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องนี้อยู่ที่ความช้าหรือเร็วว่าสัดส่วนตรงนี้จะลงมาเร็วได้เมื่อใด แม้ว่าสัดส่วนหนี้จะเกิน 61% ก็เกินมานิดเดียว ไม่มีอะไรตายตัว เชื่อว่าไม่ถึงขนาดนั้นแน่ ไม่มีใครกล้าพูดได้

@ คิดว่ารัฐบาลจะผลักดันให้จีดีพีขยายตัวระดับ 5% ได้หรือไม่

         อภิสิทธิ์ :
เมื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติเราก็ต้องตั้งเป้าหมายไว้ประมาณนั้น

@ อีกกี่ปีจะถึงตรงนั้น?

         อภิสิทธิ์ :
ผมคิดว่าปีหน้า เศรษฐกิจโลกจะกลับมาขยับฟื้นตัว และปีถัดไปน่าจะขยับเข้ามาใกล้กับภาวะปกติ คือ 2 ปีแล้วบวกอีกหน่อย ซึ่งบวกมากกว่าลบ

@ ถึงเวลานั้นแล้วไทยจะเป็นอย่างไร หรือเป็นไปตามภาวะโลก

         อภิสิทธิ์ :
คิดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จะขึ้นลงไปพร้อมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในเศรษฐกิจใหญ่ๆ

@ นอกจากแผนฟื้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 แล้ว รัฐบาลวางแนวทางแก้ไขปัญหาอะไรไว้อีก

         อภิสิทธิ์ :
ไทยเข้มแข็งคือการวางโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แต่ช่วงต่อไปที่จะมีการวางแผนฯ 11 เราต้องเน้นทิศทางให้มากขึ้น ทั้งเศรษฐกิจสร้างสรรค์ อาหารและพลังงานทดแทน หรือการสร้างมูลค่า ซึ่งจะเป็นขั้นต่อไป หากลำดับ คือ ขั้นแรก ที่บรรเทาความเดือดร้อน จากนั้นก็ลงทุนวางโครงสร้างพื้นฐาน จากนั้นก็วางกลยุทธ์กำหนดทิศทาง

@ ให้คะแนนการทำงานตัวเองเท่าไหร่ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา

         อภิสิทธิ์ :
เป็นหน้าที่ของคนอื่น ผมไม่ให้คะแนนตัวเอง

@ ผ่าน เม.ย.มารู้สึกแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ 

         อภิสิทธิ์ :
ผมไม่อยากแข็งแกร่งมากไปกว่านี้แล้ว




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นายกฯ เปิดใจ... ผมไม่อยากแข็งแกร่งมากไปกว่านี้ อัปเดตล่าสุด 20 มิถุนายน 2552 เวลา 16:37:04 5,912 อ่าน
TOP