เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
กัมพูชา เตรียมขึ้นแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลก คดีเขาพระวิหาร วันนี้ ในเวลา 15.00 น. ส่วนไทย ขึ้นแถลงต่อศาลโลกในวันที่ 17 เมษายนนี้
วันนี้ (15 เมษายน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกัมพูชา เตรียมตัวให้ถ้อยแถลงต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในคดีปราสาทพระวิหาร ซึ่งกัมพูชาได้ยื่นร้องให้ตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 โดยกัมพูชาจะเริ่มแถลงก่อน ในเวลา 15.00-18.00 น. และ 20.00-21.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ขณะที่ไทย จะให้ถ้อยแถลงต่อศาลโลกในวันที่ 17 เมษายนนี้
สำหรับการเตรียมความพร้อมของไทยในเรื่องกรอบการต่อสู้นั้น นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ ฐานะตัวแทนประเทศไทยในการต่อสู้คดี กล่าวว่า กรอบการต่อสู้ คือ ศาลโลกไม่มีอำนาจ เพราะเรื่องที่กัมพูชาฟ้อง ถือเป็นคดีใหม่ ด้วยข้อพิพาทใหม่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีเดิม และเป็นการใช้ธรรมนูญศาลโลกข้อ 60 ที่ไม่ถูกต้อง (ข้อ 60 ของธรรมนูญศาลโลก ระบุว่า คำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศถือเป็นที่สุดและไม่มีการอุทธรณ์ ในกรณีที่มีข้อพิพาท ในความหมายหรือขอบเขตของคำตัดสิน ศาลฯ จะต้องตีความคำตัดสินดังกล่าว หากมีภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอ) ประกอบกับตลอด 50 ปีที่ผ่านมา กัมพูชาก็ไม่มีข้อเห็นแย้งเกี่ยวกับคำพิพากษาปี 2505 โดยเห็นตรงกันมาตลอด โดยกัมพูชาได้เปลี่ยนท่าทีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไม่นานมานี้
อีกประเด็นคือ การยื่นฟ้องครั้งนี้เสมือนคำอุทธรณ์สิ่งที่ขอเมื่อปี 2505 แต่ไม่ได้ คือ ขอให้ศาลตัดสินเรื่องเขตแดน และสถานะของแผนที่ ซึ่งก็คือ สถานะภาคผนวก 1 ซึ่งเป็นภาคผนวกแผนที่ของกัมพูชา ไม่ใช่ภาคผนวกคำพิพากษา เป็นสิ่งที่กัมพูชาเคยขอเมื่อ 50 ปีที่แล้ว แต่ศาลปฏิเสธ จึงเสมือนคำอุทธรณ์ ซึ่งทำไม่ได้
ทั้งนี้ ทางกระทรวงต่างประเทศ ได้จัดช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลสำหรับประชาชนที่สนใจ สามารถเลือกรับฟังเสียงการให้ถ้อยแถลงทั้งเสียงจริงที่เป็นภาษาฝรั่งเศสและ ภาษาอังกฤษ เสียงที่แปลแล้วเป็นภาษาอังกฤษ และเสียงที่แปลแล้วเป็นภาษาไทยได้ที่ www.phraviharn.org นอกจากนี้ ยังจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง11 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 92.5 และ AM 891 รวมถึงสถานีวิทยุสราญรมย์ที่ AM1575
ขณะเดียวกัน ทางศาลโลกจะถ่ายทอดสดการให้การทางวาจาอยู่แล้ว ซึ่งรับฟังเสียงที่ใช้จริงที่เป็นภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ ได้ที่ http://www.icj-cij.org/homepage รวมทั้ง ศาลจะเผยแพร่คำแถลงของทั้ง 2 ฝ่ายผ่านทางเว็บไซต์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ http://webtv.un.org
เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. คณะผู้พิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เริ่มออกนั่งบัลลังก์ เพื่อรับฟังการให้ถ้อยคำแล้ว โดย นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ได้ขึ้นให้ถ้อยคำ ในส่วนของประเทศกัมพูชา
โดยนายฮอร์ นัมฮง ได้กล่าวถึง สาเหตุและปัจจัยที่นำคำพิพากษาเก่าที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้วมาร้องขอการพิจารณาใหม่ว่า การกระทำดังกล่าวไม่ใช่การกระทำที่ซ้ำซาก แต่มีความจำเป็นที่ต้องกลับมาที่ศาลแห่งนี้ เพื่อตีความคำพิพากษาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต พร้อมกล่าวโทษไทย กรณีในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่ ได้รุกรานกัมพูชาจนก่อให้เกิดการปะทะกันในพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร และจากการรุกรานดังกล่าวส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อทรัพย์สินและชีวิต ของคนในทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ กัมพูชา ขอยืนยันว่า เรื่องเขตแดนได้มีข้อยุติไปแล้วในเอกสารท้ายคำสั่งของศาลในปี 1962 ไปแล้ว
ต่อมา ทนายความของฝ่ายกัมพูชา ได้กล่าวชี้แจงต่อว่า ตั้งแต่แรกทั้ง 2 ประเทศ ได้ยอมรับคำตัดสินของศาลในแผนที่ภาคผนวก 1 แต่ไทยกลับพยายามสร้างความสับสน โดยอ้างแผนที่อีกฉบับขึ้นมา ซึ่งก่อให้เกิดมีการรุกรานพื้นที่ แม้ว่า ทางกัมพูชา ได้ใช้วิธีการเจรจาทางการทูต แต่ไทยกลับพยายามตีความฝ่ายเดียว ซึ่งมีการใช้คำพูดเสียดสีก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศกัมพูชา และกัมพูชา ขอยืนยันว่า การขอให้ศาลตีความครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อการปักปันเขตแดน แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนและลดความขัดแย้ง ให้ดำรงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมตั้งข้อสังเกตอีกว่า หากไทยกระทำการขัดต่อคำสั่งของศาลโลก ก็เปรียบเสมือนการไม่ยอมรับอำนาจของศาลมาโดยตลอด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก