ดิ้นขายข้าวค้างสต็อกในประเทศ "บุญทรง" อ้างบาทแข็งปิดดีลจีทูจียาก (ไทยโพสต์)
"บุญทรง" โอดบาทแข็ง กระทบปิดดีลขายข้าวจีทูจียาก สั่งหาช่องระบายในประเทศเป็นเงินบาท แต่ทำขึงขัง ห้ามทุบราคาร่วง ลุ้นเกาหลีใต้เลิกแบนไก่สดจากไทย
เมื่อวานนี้ (30 เมษายน) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้การเจรจาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ยากมากขึ้น เพราะได้ตั้งราคาไว้เป็นเงินบาท แต่การเจรจาจะอยู่ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ต้องเพิ่มราคาขาย ส่งผลให้การเจรจาขายข้าวรอบใหม่ได้ข้อสรุปลำบากมากขึ้น เพราะผู้ซื้อไม่ยอมรับการปรับราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่เงินบาทแข็งค่า นอกจากนี้ ยังพบปัญหาความผันผวนค่าเงิน ที่ทำให้ไม่สามารถกำหนดราคาขายที่เหมาะสมได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้คำสั่งซื้อผ่านระบบจีทูจีขณะนี้ชะลอลง
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศไปศึกษาการระบายข้าวภายในประเทศในรูปเงินบาทให้กับผู้ประกอบการทั่วไป แทนการทำจีทูจี โดยมีเงื่อนไขต้องไม่ทำให้ราคาภายในประเทศได้รับผลกระทบ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้
"กระทรวงพาณิชย์ก็เหมือนผู้ส่งออกทั่วไป คือไม่รู้จะขายราคาเท่าไหร่ เพราะเงินบาทผันผวน และหากจะขึ้นราคาขายผู้ซื้อก็ไม่ยอมรับ เราก็ต้องใช้วิธีการเจรจาแบบวันต่อวัน ซึ่งสัญญาใหม่หากคิดเป็นเงินบาท ก็ไม่ได้ตามต้นทุนที่ตั้งราคาไว้ ซึ่งแน่นอนอาจต้องขาดทุนมากขึ้นกว่าที่คาดไว้ แต่การเจรจาขายก็ยังอยู่ต่อเนื่อง แต่จะให้ใครราคาเท่าไหร่ บางทีก็ต้องดูปริมาณซื้อด้วย" นายบุญทรงกล่าว
ส่วนกระแสข่าวว่ามีการขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ระบายข้าว 2 ล้านตันนั้น ยืนยันว่าไม่มีวาระการประชุมดังกล่าว และไม่จำเป็นต้องขอ ครม. เพราะคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้ให้กรอบการระบายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็ดำเนินการอยู่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นายบุญทรงกล่าวถึงการหารือกับเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทยว่า ได้มีการหารือใน 2 ประเด็น คือ การเตรียมความพร้อมการเจรจาคณะกรรมการร่วมการค้าไทย-เกาหลีใต้ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพ พร้อมกันนี้ไทยได้สอบถามถึงความคืบหน้าการยกเลิกการห้ามนำเข้าสินค้าไก่สดแช่เย็น-แช่แข็งของไทยหลังจากไทยปลอดเชื้อไข้หวัดนก ซึ่งทางเกาหลีใต้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบมาตรฐานฟาร์มและโรงงานของไทย และอยู่ระหว่างการพิจารณาตามกระบวนการภายใน คาดว่าอีก 2-3 เดือนจากนี้จะทราบผลว่าจะยกเลิกการห้ามดังกล่าวหรือไม่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก