แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ระบาดเชียงใหม่ อาจารย์ มช. เจอป่วนอีกราย โทร. หลอกเอี่ยวคดีฟอกเงิน เจ้าตัว งงหนัก แต่ไม่หลงกล โทร. ถามตำรวจจริง ชี้สาเหตุข้อมูลรั่ว อาจมาจากธนาคาร หรือการไปสมัครบัตรเครดิตทิ้งไว้
จากกรณี จุ๋ม ปอยเด้ง ผู้สื่อข่าวช่อง 3 ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก่อกวน อ้างเป็น ตร.ภาค 5 โทร. หลอกมีเอี่ยวพัสดุเกี่ยวข้องยาเสพติด แต่เจ้าตัวไหวตัวทันเพราะเห็นข่าวบ่อย จึงไม่ตกเป็นเหยื่อนั้น (อ่านข่าว : นักข่าวช่อง 3 เจอเอง ! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทร. หลอกมีพัสดุเอี่ยวยาเสพติด)
โดยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 ดร.ปิ่นแก้ว ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก Pinkaew Laungaramsri บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงโทรศัพท์มาหา อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการการทำความผิดเกี่ยวกับอาชกรรมทางเศรษฐกิจ ชี้ว่าสามารถจับคนร้าย ที่ปลอมแปลงเอกสารเพื่อกู้เงินและฟอกเงินได้ โดยพบสมุดบัญชีธนาคารเจ้าหนึ่ง ที่มีชื่อของอาจารย์อยู่ด้วย จึงจะให้เดินทางไปให้ปากคำภายในวันดังกล่าวเลย ซึ่งความจริงแล้วตัวอาจารย์เองไม่เคยเปิดบัญชีกับธนาคารแห่งนี้ และแปลกใจที่เหตุใดจึงรีบปิดสำนวนคดีภายในดังกล่าวด้วย
อีกทั้ง หลังจากที่อาจารย์ปฏิเสธที่จะเข้าให้ปากคำวันดังกล่าว ทางตำรวจหญิงคนนี้จึงเสนอใช้วิธีบันทึกเทปให้ปากคำทางโทรศัพท์แทน เมื่ออาจารย์ไม่ยินยอม ทางตำรวจหญิงเลยขู่ว่าจะส่งเป็นหมายเรียกแทน กลับกลายเป็นว่าตัวอาจารย์กลายเป็นผู้ต้องหาฟอกเงินไปเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ดร.ปิ่นแก้ว ได้โพสต์ข้อความบทสรุปของเรื่องราวดังกล่าว ว่า หลังจากโทรศัพท์ไปสอบถามที่กองปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมาแล้วนั้น ชื่อที่ผู้หญิงคนดังกล่าวอ้างคือ ร.ต.ท. นิตยา แม่งมา เป็นชื่อปลอม เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องโกหก สรุปว่าเป็นมิจฉาชีพจริง ทางเจ้าหน้าที่แนะนำให้อาจารย์ ไปลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อเป็นหลักฐาน เนื่องจากคนร้ายรู้ข้อมูลทุกอย่างรวมถึงเลขที่บัตรประชาชน ซึ่งสาเหตุที่ข้อมูลรั่วไหล อาจมาจากธนาคาร หรือการไปสมัครบัตรอะไรต่าง ๆ ทิ้งไว้
ทั้งนี้ อาจารย์ปิ่นแก้ว จึงอยากฝากเตือนใครหลาย ๆ คนที่เคยไปกรอกใบสมัครบัตรเครดิตทิ้งไว้ตามที่ต่าง ๆ แต่ยกเลิกไป และทางนั้นไม่ได้ส่งข้อมูลคืน อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ข้อมูลรั่วไหล และถือเป็นปัญหาของการเรียกสำเนาบัตรประชาชนในธุรกรรมทุกชนิด เพราะอาจเปิดโอกาสให้มีการขายข้อมูลกันเป็นล่ำเป็นสันก็เป็นได้
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Pinkaew Laungaramsri
