x close

หัวอกแม่แทบใจสลาย ลูกสาวถูกจับขังห้องมืดบนเรือ แอบส่งจดหมายให้ช่วย

ถูกหลอกพาไปขายตัว

          หัวอกแม่แทบใจสลาย ลูกสาววัย 25 ถูกจับขังห้องมืดบนเรือ แอบส่งจดหมายให้ช่วย หลังจากถูกชวนไปทำงานที่เกาหลี คาดว่าโดนหลอก ตอนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม


          เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางหนูจร ยางศรี อายุ 54 ปี และนายเกษม ยางศรี อายุ 54 ปี สามีภรรยา ชาว จ.อุดรธานี ได้ร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากที่ลูกสาวหายตัวไป แต่ส่งจดหมายมาหาบอกว่าถูกขังอยู่ในห้องมืดบนเรือ ตอนนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

          ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถาม พบว่า นางหนูจร นายเกษม และญาติ ๆ กำลังปรึกษากับ นายอากาศ ชัยบุตร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านยวด เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ โดยนางหนูจร เล่าว่า ตนกับสามีทำอาชีพทำนาและรับจ้างดีดบ้าน มีลูก 2 คน คนแรกเป็นชายทำงานเกษตรที่ประเทศเกาหลีใต้กับภรรยา ส่วนลูกสาวคนที่ 2 ชื่อ นิภาภรณ์ ยางศรี อายุ 25 ปี ยังไม่มีครอบครัว ยังไม่มีงานทำ แต่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ลูกสาวได้ไปทำงานโรงงานที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้กองทุนยืมเรียน แต่ทำได้แค่ 15 วันก็เดินทางกลับบ้าน และต่อจากนั้นก็มีนายหน้ามาชวนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ แบบลักลอบเข้าเมือง โดยเสียค่าดำเนินการ 3.5 หมื่นบาท ก่อนตกลงไปกับญาติอีกคน ชื่อ นางสาวบุญค้ำ ชาติโฉม อายุ 38 ปี และออกเดินทางกันเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน แต่ปรากฏว่าไม่ผ่าน ตม. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ลูกสาวกับญาติจึงกลับไปบ้านพัก

          ต่อมาก็มีนายหน้าคนใหม่มาชวนไปเกาหลีใต้อีก โดยรับปากว่าจะพาไปให้ได้ แต่เสียค่าดำเนินการ 2 หมื่นบาท ตนก็ได้โอนเงินให้ลูกสาวอีก แต่ก็ไม่ผ่าน ตม. อีก จนกระทั่ง นางสาวบุญค้ำกลับไปทำงานที่โรงงานเหมือนเดิม ส่วนตนก็บอกลูกสาวให้กลับมาที่บ้าน ที่ จ.อุดรธานี

          แต่เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ลูกสาวก็โทรศัพท์มาบอกว่า ตอนนี้อยู่สนามบินดอนเมือง กำลังจะนั่งเครื่องบินกลับบ้าน ตนและญาติจึงไปรับที่สนามบินอุดรฯ แต่ก็ไม่เจอลูกสาวสักที โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ เมื่อเช็กไปยังรายชื่อผู้โดยสารก็ไม่พบลูกสาว ตนจึงพยายามติดต่อ จนกระทั่งเวลา 21.00 น. โทรศัพท์ลูกสาวเปิดเครื่อง ตนโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับสาย ในใจก็คิดว่าลูกคงไปพักบ้านเพื่อน

ถูกหลอกพาไปขายตัว
 
          นางหนูจร เล่าต่อว่า เช้าวันที่ 19 พฤศจิกายน ตนก็ได้โทรศัพท์หาลูกสาวอีกครั้ง แต่พบว่าปิดเครื่องไม่สามารถสอบถามได้ เลยโทรไปถามนางสาวบุญค้ำ ก็บอกว่าหลังจากที่จะไปเกาหลีด้วยกันครั้งก่อนก็ไม่ได้มาพักด้วยกัน และเมื่อเย็นวันที่ 16 พฤศจิกายน ลูกสาวบอกว่าจะมีเพื่อนขับรถยนต์มารับ ตอนนั้นก็แยกกัน นางสาวบุญค้ำก็ไม่ได้เห็นลูกสาวตนอีกเลย ก็นึกว่าเดินทางกลับมา จ.อุดรธานีแล้ว ตนจึงรอให้ครบ 48 ชั่วโมง พอบ่ายวันที่ 20 พฤศจิกายน ตนก็เข้าแจ้งความที่ สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี

          ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ญาติได้นำกล่องพัสดุส่งมาถึงตน แต่ลงบ้านเลขที่ของญาติ ระบุชื่อคนส่งว่า คุณแม็ก ไม่มีนามสกุล ที่อยู่ 451 ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด รหัสไปรษณีย์ 45130  ซึ่งตนไม่รู้จักชายดังกล่าว แต่เมื่อเปิดกล่องออกก็พบถุงก๊อบแก๊บสีเหลืองมัดปากถุงแน่น ภายในมีสบู่มะละกอ 12 ก้อน จำได้ว่าเป็นสบู่ที่ลูกสาวซื้อเพื่อนำไปใช้ที่เกาหลีใต้ ส่วนใต้ถุงก็พบกระดาษแผ่นเล็กพับอยู่ จึงหยิบมาอ่าน พบว่าเป็นจดหมายเขียนด้วยลายมือลูกสาว เป็นกระดาษฉีก ๆ ชิ้นเล็ก ๆ เขียนข้อความเต็มแผ่นทั้งสองด้าน ระบุว่า..

          "แม่...นิเขียนจดหมายหาแม่ ไม่รู้จะถึงหรือเปล่า แม่หาทางช่วยนิหน่อย ตอนนี้นิน่าจะอยู่บนเรืออะไรสักอย่าง นิไม่รู้ว่าพวกไหนจับนิมา นิยังไม่ได้ทำอะไรเลย นิจะแอบไปกับของที่จะมีคนส่งของให้ โทรศัพท์เขาก็ไม่ให้นิ เขาเอาของนิไปหมดเลย นิไม่รู้ว่าจดหมายแม่จะได้รับไหม แต่ตอนนี้เขายังบ่ได้ให้นิทำอะไร อยู่ในห้องมืด แม่ช่วยนิด้วย เขาพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ภาษาจีนประมาณนั้น มีคนไทยพานิมา แล้วก็มีคนไทยอยู่บนนี้ด้วย ถ้าจดหมายถึงแม่ก็ดีไป ถ้าเขาจับได้ก็อาจจะตายไป นิคิดถึงพ่อกับแม่นะ นิไม่รู้ว่าเขาจะเอานิไปทำอะไร ถ้าใครได้รับจดหมายนี้ให้ติดต่อ 08-8309-9468"

ถูกหลอกพาไปขายตัว

          "แม่...ถ้าหากเขาเอานิไปขายตัว นิก็จะตัดสินใจไป ดีกว่าอยู่แบบนี้ นิก็ยังจะได้ติดต่อแม่กับพ่อ นิจะต้องเอาตัวรอดให้ได้ แม่ต้องรอนินะ แม่ห้ามเป็นอะไรนะ นิจะหาทางกลับบ้านให้ได้ แม่ทำใจดี ๆ  นิจะหาทางกลับบ้านให้ได้ เดี๋ยวนิจะฝากเขาไป ขอร้องเขา แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะช่วยได้แค่ไหน พ่อกับแม่ต้องรอนิ แค่นี้ก่อนนะ แม่เขาจะไปแล้ว"

          นางหนูจร เล่าว่า หลังจากอ่านจดหมายตนก็ร้องไห้ รู้สึกเป็นห่วงลูกมาก เชื่อว่าลูกสาวคงถูกหลอกไปทำงานและถูกจับตัวไว้อย่างแน่นอน ส่วนเช้าวันที่ 26 พฤศจิกายน ตนก็ได้ชวนนายอากาศ นายกเทศมนตรีฯ ไปแจ้งความเพิ่มเติมว่าลูกสาวถูกลักพาตัวและกักขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมกับขอร้องสื่อให้ช่วยตามหาลูกสาวด้วย และขอวิงวอนผู้ที่ลักพาตัวลูกสาวไปและกักขังตัวไว้ให้ปล่อยลูกสาวกลับมา เพราะตนและสามีคิดถึงและเป็นห่วงลูกสาวจนไม่เป็นอันกินอันนอน  คิดถึงลูกไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

          ขณะที่ นายอากาศ นายกเทศมนตรีฯ เผยว่า หลังจากที่นางหนูจรเข้ามาขอความช่วยเหลือ ก็ได้ตรวจดูกล่องพัสดุไปรษณีย์ พบว่าส่งมาจากไปรษณีย์มาบตาพุด จ.ชลบุรี เมื่อให้ญาติตรวจสอบกล้องวงจรปิด ผู้ที่นำกล่องพัสดุมาส่ง พบว่าเป็นหญิงผมสั้น สวมเสื้อเหลืองเป็นผู้ส่ง เมื่อตรวจสอบไปตามที่อยู่ผู้ส่ง พบว่าเป็นที่อยู่ของร้านจำหน่ายกระเบื้องมีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งตนได้พยายามติดต่อคนรู้จักใน อ.สุวรรณภูมิ ไปสอบถาม แต่ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด

ภาพจาก เฟซบุ๊ก อุดรธานี

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หัวอกแม่แทบใจสลาย ลูกสาวถูกจับขังห้องมืดบนเรือ แอบส่งจดหมายให้ช่วย อัปเดตล่าสุด 27 พฤศจิกายน 2558 เวลา 10:42:42 21,727 อ่าน
TOP