ผัวประกันตัวมาร่วมงานศพ ยันไม่ได้ฆ่าโหดลูก-เมีย ลั่นถ้ากล้าทำคงไม่ใช่คนแล้ว ด้านพี่สาวเหยื่อเชื่อน่าจะเป็นฝีมือผัว เพราะไม่เห็นตัวหลังพบศพ
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
จากกรณีสลด พบคู่แม่ลูกถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในบ้านพักที่ จ.น่าน ซึ่งต่อมาทางตำรวจสามารถจับกุมตัว นายพรหมพิพัฒน์ พรมเกษา อดีตทหารพราน สามีของผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรมไว้ได้แล้ว แม้เจ้าตัวยังยืนกรานปฏิเสธ [อ่านข่าว : รวบแล้ว ผัวฆ่าโหดเมีย-ลูก 7 ขวบ ทุบหน้าผากดับคาบ้าน เจ้าตัวยังยืนกรานปฏิเสธ]
ต่อมาวันที่ 20 เมษายน 2562 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า นางดา หลบภัย อายุ 51 ปี พี่สาวของนางศรีวรรณ ผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเห็นน้องสาวครั้งล่าสุดตอนเวลา 16.00 น. วันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา ตอนนั้นน้องสาวบอกว่าจะออกไปสวนใกล้บ้าน แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีก กระทั่งวันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ 18.00 น. ตนให้ลูกสาวเดินไปเรียกนางศรีวรรณกับลูกมากินข้าวด้วยกัน แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าทั้งคู่กลายเป็นศพนอนจมกองเลือดไปแล้ว
ตนยอมรับว่าเสียใจที่ไม่รู้ถึงสิ่งผิดปกติใด ๆ
ทั้งที่อาศัยอยู่บ้านติดกัน เนื่องจากตอนนี้มีฝนตกฟ้าร้อง
ตนมั่นใจว่าน้องเขยต้องเป็นผู้ก่อเหตุอย่างแน่นอน
เพราะหลังจากพบศพก็ไม่เจอตัวน้องเขยอยู่ในบ้าน
ทั้งนี้ ทางครอบครัวได้มีการนำศพของนางศรีวรรณกับลูก มาประกอบพิธีฝังไว้ในหลุมเดียวกัน โดยมีการสวดทำพิธี นำโลงศพฝังลงไปพร้อมดอกไม้จันทน์ พวงหรีด และเสื้อผ้า ที่นอน ของใช้ของผู้ตาย
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ขณะที่ นายพรหมพิพัฒน์ พรมเกษา อายุ 43 ปี สามีของนางศรีวรรณ เผยว่า ตนทำงานช่วงบ่ายวันที่ 17 เมษายน และอยู่กับเพื่อนตลอดจนถึงวันที่ 18 เมษายน ก่อนจะทราบข่าวการเสียชีวิตของภรรยาและลูก ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าตนไม่มีทางลงมือฆ่าลูกแน่นอน เพราะลูกคือแก้วตาดวงใจ และหากตนกล้าฆ่าจริง จิตใจก็คงไม่ใช่มนุษย์แล้ว
นายพรหมพิพัฒน์ ยังเผยอีกว่า ในเวลา 21.00 น. วันที่ 17 เมษายน ตนยังคุยไลน์กันตามปกติ จนเย็นวันถัดมาจึงทราบว่าภรรยาและลูกเสียชีวิต ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจและช็อกมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าตนมีพยานว่าอยู่กับเพื่อนในวันเกิดเหตุจริง และเพื่อนที่อยู่ด้วยกันก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการเสียชีวิตของภรรยาและลูกด้วย
ทั้งนี้ ทางตำรวจได้ควบคุมตัวนายพรหมพิพัฒน์ไว้ และได้แจ้งข้อหามีอาวุธปืนในครอบครอง หลังพบปืนแก๊ปในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการสอบเค้นว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านางศรีวรรณกับลูกหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ โดยทางตำรวจได้นำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังในเวลาต่อมา ก่อนที่ผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวมาร่วมพิธีศพ
ด้าน นางฟอง คำมงคล อายุ 51 ปี พี่สาวนายพรหมพิพัฒน์ ได้เปิดใจหลังประกันตัวน้องชายออกมาว่า ปืนที่พบในที่เกิดเหตุนั้นไม่ใช่อาวุธในการก่อเหตุ ยืนยันว่าน้องชายไม่ใช่คนลงมือฆ่าภรรยาและลูก เพราะน้องชายรักลูกสาวมาก วันเกิดเหตุตนทราบว่าน้องชายไปทำงานในตัวเมือง จ.น่าน และแอบไปนอนกับผู้หญิงอื่น จึงไม่ได้กลับเข้าบ้านเลยจนกระทั่งทราบว่าภรรยาและลูกเสียชีวิตแล้ว
สำหรับเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้น เป็นที่คาดการณ์ว่าเกิดเหตุช่วงกลางดึกวันที่ 17 เมษายน โดยคนร้ายบุกเข้ามาทางประตูหน้าบ้าน เข้าไปยังห้องนอนที่ผู้ตายทั้ง 2 คนนอนหลบอยู่ จากนั้นอาศัยจังหวะที่นางศรีวรรณไม่รู้ตัว ใช้อาวุธปืนยิงจากขมับซ้าย ทะลุฝั่งขวา 1 นัด ดับคาที่ จากการชันสูตรพลิกศพพบว่าเป็นการจ่อยิงระยะประชิด ส่วนศพลูกสาวมีรอยถูกยิง 2 นัด คาดว่านัดแรกยิงเฉียดศีรษะแต่ยังไม่ทำให้เสียชีวิต คนร้ายจึงจ่อยิงกลางหน้าผากซ้ำ จนเสียชีวิต
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
จากกรณีสลด พบคู่แม่ลูกถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในบ้านพักที่ จ.น่าน ซึ่งต่อมาทางตำรวจสามารถจับกุมตัว นายพรหมพิพัฒน์ พรมเกษา อดีตทหารพราน สามีของผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรมไว้ได้แล้ว แม้เจ้าตัวยังยืนกรานปฏิเสธ [อ่านข่าว : รวบแล้ว ผัวฆ่าโหดเมีย-ลูก 7 ขวบ ทุบหน้าผากดับคาบ้าน เจ้าตัวยังยืนกรานปฏิเสธ]
ต่อมาวันที่ 20 เมษายน 2562 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า นางดา หลบภัย อายุ 51 ปี พี่สาวของนางศรีวรรณ ผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเห็นน้องสาวครั้งล่าสุดตอนเวลา 16.00 น. วันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา ตอนนั้นน้องสาวบอกว่าจะออกไปสวนใกล้บ้าน แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีก กระทั่งวันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ 18.00 น. ตนให้ลูกสาวเดินไปเรียกนางศรีวรรณกับลูกมากินข้าวด้วยกัน แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าทั้งคู่กลายเป็นศพนอนจมกองเลือดไปแล้ว
ทั้งนี้ ทางครอบครัวได้มีการนำศพของนางศรีวรรณกับลูก มาประกอบพิธีฝังไว้ในหลุมเดียวกัน โดยมีการสวดทำพิธี นำโลงศพฝังลงไปพร้อมดอกไม้จันทน์ พวงหรีด และเสื้อผ้า ที่นอน ของใช้ของผู้ตาย
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ขณะที่ นายพรหมพิพัฒน์ พรมเกษา อายุ 43 ปี สามีของนางศรีวรรณ เผยว่า ตนทำงานช่วงบ่ายวันที่ 17 เมษายน และอยู่กับเพื่อนตลอดจนถึงวันที่ 18 เมษายน ก่อนจะทราบข่าวการเสียชีวิตของภรรยาและลูก ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าตนไม่มีทางลงมือฆ่าลูกแน่นอน เพราะลูกคือแก้วตาดวงใจ และหากตนกล้าฆ่าจริง จิตใจก็คงไม่ใช่มนุษย์แล้ว
นายพรหมพิพัฒน์ ยังเผยอีกว่า ในเวลา 21.00 น. วันที่ 17 เมษายน ตนยังคุยไลน์กันตามปกติ จนเย็นวันถัดมาจึงทราบว่าภรรยาและลูกเสียชีวิต ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจและช็อกมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าตนมีพยานว่าอยู่กับเพื่อนในวันเกิดเหตุจริง และเพื่อนที่อยู่ด้วยกันก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการเสียชีวิตของภรรยาและลูกด้วย
ทั้งนี้ ทางตำรวจได้ควบคุมตัวนายพรหมพิพัฒน์ไว้ และได้แจ้งข้อหามีอาวุธปืนในครอบครอง หลังพบปืนแก๊ปในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการสอบเค้นว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านางศรีวรรณกับลูกหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ โดยทางตำรวจได้นำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังในเวลาต่อมา ก่อนที่ผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวมาร่วมพิธีศพ
ด้าน นางฟอง คำมงคล อายุ 51 ปี พี่สาวนายพรหมพิพัฒน์ ได้เปิดใจหลังประกันตัวน้องชายออกมาว่า ปืนที่พบในที่เกิดเหตุนั้นไม่ใช่อาวุธในการก่อเหตุ ยืนยันว่าน้องชายไม่ใช่คนลงมือฆ่าภรรยาและลูก เพราะน้องชายรักลูกสาวมาก วันเกิดเหตุตนทราบว่าน้องชายไปทำงานในตัวเมือง จ.น่าน และแอบไปนอนกับผู้หญิงอื่น จึงไม่ได้กลับเข้าบ้านเลยจนกระทั่งทราบว่าภรรยาและลูกเสียชีวิตแล้ว
สำหรับเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้น เป็นที่คาดการณ์ว่าเกิดเหตุช่วงกลางดึกวันที่ 17 เมษายน โดยคนร้ายบุกเข้ามาทางประตูหน้าบ้าน เข้าไปยังห้องนอนที่ผู้ตายทั้ง 2 คนนอนหลบอยู่ จากนั้นอาศัยจังหวะที่นางศรีวรรณไม่รู้ตัว ใช้อาวุธปืนยิงจากขมับซ้าย ทะลุฝั่งขวา 1 นัด ดับคาที่ จากการชันสูตรพลิกศพพบว่าเป็นการจ่อยิงระยะประชิด ส่วนศพลูกสาวมีรอยถูกยิง 2 นัด คาดว่านัดแรกยิงเฉียดศีรษะแต่ยังไม่ทำให้เสียชีวิต คนร้ายจึงจ่อยิงกลางหน้าผากซ้ำ จนเสียชีวิต
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก