โฆษกรัฐบาล ยืนยัน ไม่มีตำรวจเรียกสอบน้องหญิง แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว พูดใส่หน้า พล.อ. ประยุทธ์ ไล่ให้ไปเกษียณ ขณะที่ ชอัยการธนกฤต ชี้ข้อกฎหมายถึงอำนาจหน้าที่ตำรวจ เคสนี้ถือว่ายังไม่เข้าข่ายความผิดอาญา ตำรวจจะเรียกทำประวัติไม่ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า
จากกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนวังนาคินทร์ คำชะโนด แต่กลับถูกหญิงคนหนึ่งพูดใส่ว่า ถ้าพัฒนาประเทศไม่ได้ก็อยากให้เกษียณ ทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ ติดสตั๊น และอารมณ์เสียในทันที ซึ่งต่อมามีกระแสข่าวว่า น้องหญิง แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว คนที่พูดใส่หน้า พล.อ. ประยุทธ์ โดนตำรวจ สภ.บ้านดุง ติดต่อเชิญไปโรงพักเพื่อทำประวัติ แต่เจ้าตัวไม่ไป ยันไม่ได้ทำผิดอะไร แค่แสดงจุดยืน นั้น
อ่านข่าว : ประยุทธ์ เยือนคำชะโนด จากอารมณ์ดี ๆ เจอคำพูดแบบนี้ โดนตอกจนเสียหน้า
อ่านข่าว : น้องหญิง เปิดใจวินาทีสวนประยุทธ์ต่อหน้า กล้า ๆ เปิดเมนต์เฟซบุ๊กหน่อย-ล่าสุดโดน ตร. เรียกคุย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า
ล่าสุด (4 ธันวาคม 2564) เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานข่าวการชี้แจงของโฆษกรัฐบาลถึงกรณีดังกล่าว ว่า นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้รับการยืนยันจาก พล.ต.ต. พิษณุ อุณหเสรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ว่าทั้งตำรวจและฝ่ายปกครองยืนยัน ไม่มีเจ้าหน้าที่ท่านใดเข้าไปรบกวนน้องผู้หญิง ซึ่งข่าวที่ออกไปไม่เป็นความจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติงานภายใต้อำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
นอกจากนี้ ผู้การฯ จ.อุดรธานี กล่าวอีกว่า ตนขอยืนยันตลอดระยะเวลาที่นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศพยายามหาโอกาสลงพื้นที่ พบปะพี่น้องประชาชนและท่านตั้งใจจะไปทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งพบปะเจ้าหน้าที่และประชาชนในพี้นที่เพี่อรับทราบปัญหา เห็นอุปสรรคด้วยตนเอง และยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยสั่งปิดกันการแสดงความเห็นของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าฝ่ายไหน พร้อมรับฟังและชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องตลอดเวลา ท่านนายกฯ ดูแลประชาชนทุกกลุ่มอย่างเสมอภาคภายใต้กรอบกฏหมายเดียวกัน
ตามหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม รวมทั้งหลักกฎหมายมหาชน เจ้าหน้าที่รัฐจะกระทำการสิ่งใดได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจไว้ ถ้าไม่มีกฎหมายให้อำนาจในเรื่องใดไว้ เจ้าหน้าที่รัฐจะกระทำการในเรื่องนั้นไม่ได้ เพราะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะไปกระทบกับสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้
ในเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกบุคคลใดไปทำประวัติ ซึ่งก็คือการพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อทำประวัติและตรวจสอบประวัตินั้น ถ้าพิจารณาดูจากระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีอำนาจจัดให้มีการพิมพ์ลายนิ้วมือได้ เฉพาะกรณีดังต่อไปนี้
1. ผู้ต้องหาคดีอาญาทุกประเภท เว้นแต่ผู้ต้องหาในคดีบางประเภทตามที่ระเบียบนี้กำหนดไว้
2. ศพซึ่งตายผิดธรรมชาติ หรือตายในระหว่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงาน
3. การขออนุญาตทำการอย่างใด หากมีกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการกำหนดคุณสมบัติให้ตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ขออนุญาต เพื่อจะได้ทราบประวัติต้องหาคดีอาญาสำหรับประกอบการพิจารณา
4. การพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้สมัครเข้ารับราชการหรือเข้าทำงานในหน่วยงานต่าง ๆ
จากคำพูดของน้องหญิงที่กล่าวกับ พล.อ. ประยุทธ์ หากพิจารณาดูแล้ว ยังไม่น่าจะถือว่าเป็นการกระทำความผิดทางอาญา จึงยังไม่ถือว่าน้องหญิงเป็นผู้ต้องหาในการกระทำความผิดอาญาในเรื่องนี้
ดังนั้น หากตำรวจจะเรียกน้องหญิงไปทำประวัติด้วยการพิมพ์ลายนิ้วมือ หรือด้วยวิธีการอื่นใด โดยที่น้องหญิงยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาในการกระทำความผิดอาญา และโดยที่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่สามารถกระทำได้ และหากเจ้าหน้าที่จะมีคำสั่งเรียกให้น้องหญิงไปทำประวัติ ไม่ว่าจะด้วยการพิมพ์ลายนิ้วมือหรือด้วยวิธีการอื่นใด ทั้งที่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ คำสั่งนั้นย่อมเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว, เฟซบุ๊ก Thanakrit Vorathanatchakul