ต่อมาศาลชั้นต้นตัดสินให้นายสุรเกียรติ มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี เพราะมีการไกล่เกลี่ยล่วงหน้า โดยให้รายงานตัวปีละ 4 ครั้ง จนครบ 2 ปี และทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควร มีกำหนด 24 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตาม จำเลยยังสามารถอุทธรณ์คดีได้
อ่านข่าว : นายกแอ๊ว เปิดใจเหตุเตะก้านคอหมอ ชี้ถูกเหยียดหยาม-ทำเหมือนไม่ใช่คนไข้
อ่านข่าว : ศาลสั่งจำคุก 6 เดือน-ปรับ 3 พัน อดีตนายกเทศมนตรี เตะก้านคอหมอ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันที่ 5 มีนาคม 2560 นายทศพล ชุมนวน อายุ 29 ปี เจ้าหน้าที่เวชกิจฉุกเฉิน โรงพยาบาลตรัง เข้าร้องเรียนสื่อมวลชนว่าถูกญาติผู้ป่วยรายหนึ่งทำร้ายด้วยการตบศีรษะ 2 ครั้ง ขณะปฏิบัติหน้าที่ พร้อมนำภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดมาเป็นหลักฐาน
โดยเจ้าตัวออกมาเผยว่า หลังเกิดเหตุทำให้หวาดกลัว ไม่กล้าไปทำงาน และได้ลาหยุดพักงานชั่วคราว เนื่องจากเกรงว่าญาติผู้ป่วยจะกลับมาทำร้ายอีก เบื้องต้นได้เข้าแจ้งความแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทางเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทำนองว่า เป็นบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข งานก็หนัก ความปลอดภัยในชีวิตก็ไม่มี ถ้าเขาทนไม่ไหวแล้วลาออก ก็ตัวใครตัวมัน
ต่อมา นายสติพงษ์ ผู้ก่อเหตุ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมจับมือและขอโทษนายทศพล เจ้าหน้าที่เวชกิจฉุกเฉิน ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง พร้อมยอมรับว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ก่อนโดนโทษปรับ 1,000 บาท ข้อหาทำร้ายร่างกาย
อ่านข่าว : หนุ่มเวชกิจฉุกเฉิน ร้องถูกญาติผู้ป่วยตบหัวสั่น ฉุนห้ามไม่ให้เข้าห้องฉุกเฉิน
อ่านข่าว : จบด้วยดี หนุ่มตบหัวเจ้าหน้าที่เวชกิจฉุกเฉิน รับผิด ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2562 โลกออนไลน์มีการแชร์คลิปเหตุการณ์ที่คนไข้ชายรายหนึ่งด่ากราดการทำงานของพยาบาลโรงพยาบาลปลวกแดง จ.ระยอง ก่อนจะตบหน้าพยาบาล ท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุมาจากความโมโหที่เจ้าตัวเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน หวังให้รักษาแขนที่บาดเจ็บ แต่ถูกพยาบาลแจ้งให้ไปทำประวัติตามระบบก่อน
เหตุการณ์นี้ทาง ผอ.โรงพยาบาลปลวกแดง ออกมายืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน
อ่านข่าว : คนไข้ลั่นตัวเองเป็นลูกเทพ คลั่งใช้กรรไกรแทงหมอ บอกตรวจช้าก็ตายพร้อมกันไปเลย
อ่านข่าว : หมอลั่น เอาผิดไม่ไว้หน้า โดนคนไข้ใช้กรรไกรจะแทงคอ เช็กแล้วไม่ได้ป่วยจิต
นอกจากเหตุการณ์คนไข้ทำร้ายหมอ พยาบาล แล้ว ยังมีอีกเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันนั่นคือ เหตุยกพวกตีกันในห้องฉุกเฉิน ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยมากในปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 เกิดเหตุยกพวกตีกันบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลอ่างทอง โดยมีการเผยคลิปนาทีที่ตะลุมบอนกันโดยไม่สนว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาห้าม ซึ่งขณะนั้นมีผู้ป่วยหนักใส่ท่อช่วยหายใจรอเข้ารักษาตัว แต่เข้าห้องฉุกเฉินไม่ได้
ซึ่งต่อมาทางตำรวจเผยว่า กลุ่มวัยรุ่นมีเรื่องที่ร้านอาหาร ก่อนถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลเดียวกัน ทำให้ทั้งสองฝ่ายมาทะเลาะกันต่อที่หน้าห้องฉุกเฉิน ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์นานกว่า 30 นาที จากนั้นได้เรียกมาสอบสวนพร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย, ร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน
อ่านข่าว : พยาบาลเล่านาทีเถื่อน คลิปคนตีกันหน้าห้องฉุกเฉินแตก ไม่แคร์แม้ผู้ป่วยหนักเข้าห้องไม่ได้
เสียงสะท้อนของฝั่งหมอและพยาบาล แนวทางแก้ปัญหาลดความรุนแรงในโรงพยาบาล กฎหมายคุ้มครองความปลอดภัยที่ไม่ควรจมหายไป เหตุใด โทษเตะหมา ถึงหนักกว่าโทษเตะหมอ
กระบวนการยุติธรรม และกระบวนการเยียวยา เชื่อว่ามีอยู่ ซึ่งนี่คือ การรับมือซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่มันเหมาะสมกับบริบทในปัจจุบันมากน้อยแค่ไหน แล้วกระบวนการซึ่งป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างไร ขอเป็นกำลังใจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการผลักดันเรื่องราวเหล่านี้ เพราะแพทย์ ก็คือประชาชน เพราะหมอ ก็คือคน
- เพจเฟซบุ๊ก หมอเวร ออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ระบุว่า จากประสบการณ์รุ่นพี่และคนรอบข้างที่เจอมา บอกเลยว่าเหตุความรุนแรงในโรงพยาบาลเจอกันเป็นประจำ แต่ไม่ค่อยเป็นข่าวเท่านั้น มีทั้งพกมีดยาวเข้ามาหาหมอ เพราะระแวงกลัวอริเข้ามาทำร้าย หรือเอาปืนมาวางบนโต๊ะ พร้อมขู่หมอถ้ารักษาเพื่อนไม่หาย หมอต้องตาย
ด้วยกฎหมายคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์ของไทย บอกเลยว่าก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำงานไป แล้วก็ระวังตัวกันเอง เพราะคนพวกนี้มันขาดสติกันไปหมดแล้ว แม้แต่เคสเบา ๆ อย่างยืนด่าหมอ ตอบโต้ไปก็ขาดทุน เพราะสุดท้ายแล้ว ทางโรงพยาบาลไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่คุ้ม นึกแล้วบางทีมันก็ท้อใจ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอทุกท่านที่กำลังปฏิบัติงานภายใต้ความเสี่ยงเหล่านี้ ดูแลตัวเองกันดี ๆ
- เพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ออกมาแสดงความคิดเห็น ระบุว่า ความเห็นน่าสนใจจากมิตรสหายอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่ง เกี่ยวกับแนวทางลดความรุนแรงในโรงพยาบาล รวมถึงลดเหตุประทุษร้ายต่อชีวิตหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทุกคน นั่นคือต้องประกาศ "Zero tolerance" ความปลอดภัยในโรงพยาบาล หรือการปฏิเสธการรักษาในกรณีรุกล้ำเจ้าหน้าที่ ซึ่งต่างประเทศอย่างประเทศอังกฤษ ที่สนามบินด่านตรวจคนเข้าเมืองมีติดป้ายประกาศไว้ชัดเจน
เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา พล.อ.ต. นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ออกมาเผยเกี่ยวกับการเรียกร้องความคุ้มครองให้บุคลากรทางการแพทย์ได้รับความปลอดภัย 4 ประการ คือ
1. อยากให้สังคมร่วมกันปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้คนเหล่านี้มีความปลอดภัยไปรักษาคนไข้ให้ได้รับความปลอดภัยต่อไปได้
2. ขอให้ชุมชน ทั้งกลุ่มอาสา ตำรวจ ช่วยกันดูแลปกป้องห้องฉุกเฉิน แม้แต่ร้านทองยังมีตำรวจดูแล
3. ไม่ควรให้คนเมาเข้ามาในเขตห้องฉุกเฉิน เพราะการทะเลาะวิวาทส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มคนที่มีอาการมึนเมา ผู้ที่อยู่ในห้องฉุกเฉินจึงควรเป็นผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยเท่านั้น
4. กำหนดให้ห้องฉุกเฉินเป็นเขตปลอดคนเมาสุรา
อ่านข่าว : ชงห้องฉุกเฉินปลอดขี้เมา ขอตำรวจช่วยสอดส่อง ชี้ร้านทองยังมีตำรวจเฝ้า
หากมีเรื่องในสถานพยาบาล จะต้องใช้กฎหมายดำเนินการ ไม่ปล่อยให้เป็นการขอโทษแล้วยกเลิกกันไป เพราะถือเป็นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้รักษาชีวิตผู้ป่วย และสร้างบรรยากาศเพื่อความปลอดภัยในแต่ละโรงพยาบาล เพิ่มกล้องวงจรปิด เพิ่มการสื่อสารระหว่างตำรวจกับโรงพยาบาล สร้างระบบรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะห้องฉุกเฉิน
นอกจากกระบวนการทางกฎหมาย ที่สำคัญอีกประการคือ ต้องไปดูต้นเหตุปัญหาของผู้ป่วยและญาติแต่ละรายที่สร้างความรุนแรง และควรต้องช่วยแก้ไขให้กับเขาด้วย หากที่เขาทำไปเพราะความเจ็บป่วย ก็ต้องรักษาเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก และวางมาตรการป้องกันให้เหมาะสมต่อไป