ใกล้จะผ่านพ้นกันไปแล้ว สำหรับปี 2561 ซึ่งเป็นอีกปีหนึ่งที่โลกได้เผชิญเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่องของภัยธรรมชาติ เรื่องความสูญเสีย จุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระดับประเทศ หรือแม้กระทั่งเรื่องราวที่จะถูกบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งในช่วงปีนี้จะมีเหตุการณ์ใดที่นับว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญที่อยู่ในความสนใจของชาวโลกบ้างนั้น มาตามไปดูกันได้เลย ใน 10 ข่าวเด่นรอบโลกประจำปี 2561
ฝรั่งเศสลุกฮือ สวมกั๊กเหลืองออกประท้วงทั่วประเทศ
ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2561 ประชาชนชาวฝรั่งเศส กว่า 300,000 คน ได้พร้อมใจกันสวมเสื้อกั๊กเหลือง ออกมาประท้วงตามที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อแสดงความไม่พอใจในนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นภาษีคาร์บอน และราคาน้ำมันแพงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมันคือฟางเส้นสุดท้ายที่จุดชนวนปัญหานี้ แม้ว่าหลายพื้นที่จะเป็นการประท้วงที่สงบ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ จนบานปลายกลายเป็นความรุนแรง ผู้ประท้วงได้บุกทำลายอาคารสถานที่ต่าง ๆ จนได้รับความเสียหาย รวมทั้งจุดไฟเผาหลายจุดทั่วกรุงปารีส และพยายามบุกเข้าพระราชวังเอลิเซ่ ที่พำนักของประธานาธิบดี จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ความรุนแรงในการปราบจลาจล ทั้งใช้แก๊สน้ำตา ฉีดน้ำ และระเบิดแสง
กลุ่มผู้ประท้วงยังต้องการกดดันให้มาครงลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้รัฐบาลต้องเข้าประชุมหารือกันอย่างเร่งด่วนเพื่อวางมาตรการแก้ไขปัญหา โดยประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีได้ยอมถอยคนละก้าว ชะลอการปรับขึ้นภาษีคาร์บอนเอาไว้ก่อน รวมทั้งให้สัญญาว่าจะยกเลิกการขึ้นภาษีแก่ผู้รับเงินบำนาญ เว้นภาษีแรงงาน รวมทั้งจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกเดือนละ 100 ยูโร หรือประมาณ 3,700 บาท คำสัญญานี้ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงพอใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่การชุมนุมก็ยังคงไม่ยุติลง ซึ่งก็คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว รัฐบาลฝรั่งเศส จะแก้ปัญหาสำคัญนี้ให้ลุล่วงลงไปได้อย่างไร
อ่านข่าว - น้ำมันแพง-ขึ้นภาษี เป็นเหตุ ฝรั่งเศสระดมพลทั่วประเทศ สวมกั๊กเหลือง ประท้วงรัฐบาล
อ่านข่าว - ฝรั่งเศสลุกเป็นไฟ ! ปชช. นับแสนเผาปารีส-ถล่มพระราชวัง ประท้วงไล่ประธานาธิบดี
อ่านข่าว - มาครง ยอมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเดือนละ 3,700 ปีหน้า หลังเจอม็อบถล่มหนักทั่วฝรั่งเศส
การจากไปของ 3 บุคคลสำคัญ จาก 3 วงการ
ปี 2561 เป็นอีกปีหนึ่งที่โลกสูญเสียบุคคลสำคัญไปหลายคน ในจำนวนนั้นคือ 3 บุคคลจากวงการวิทยาศาสตร์ บันเทิง และการเมือง นั่นก็คือ สตีเฟน ฮอว์คิง (Stephen Hawking) นักฟิสิกส์ทฤษฎี นักจักรวาลวิทยาผู้ปราดเปรื่อง รวมทั้ง สแตน ลี (Stan Lee) บิดาแห่งมาร์เวล และ จอร์จ บุช อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และนี่คือเรื่องราวชีวิตของพวกเขา
1. สตีเฟน วิลเลียม ฮอว์คิง (8 มกราคม 2485 - 14 มีนาคม 2561) อายุ 76 ปี
นักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่องคนนี้ ได้จากไปในวัย 76 ปี หลังจากต่อสู้กับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส (ALS - Amyotrophic Lateral Sclerosis) มานานหลายทศวรรษ แต่สภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยไม่สามารถหยุดยั้งการเรียนรู้ของเขา รวมทั้งไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจในการมอบความรู้ให้แก่คนอื่น โดยผลงานสำคัญของสตีเฟนคือ ทฤษฎีซิงกูลาริตี หลุมดำ และเอกภพไม่มีจุดสิ้นสุด ซึ่งทฤษฎีเหล่านี้ได้นำไปสู่การศึกษาค้นคว้ามากมาย และเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติการเรียนรู้ด้านจักรวาลวิทยาอย่างแท้จริง
อ่านข่าว - เปิด 5 ประเด็นน่ารู้ จากชีวิต สตีเฟน ฮอว์คิง ยอดนักวิทยาศาสตร์แห่งยุค
2. สแตนลีย์ มาร์ติน ลีเบอร์ หรือ สแตน ลี (28 ธันวาคม 2465 - 12 พฤศจิกายน 2561) อายุ 95 ปี
ชายเจ้าของรอยยิ้มอบอุ่นคนนี้คือผู้ก่อตั้ง มาร์เวล คอมิกส์ (Marvel Comics) และเขาทำให้มาร์เวลก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการ ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1960 ตัวละครมาร์เวลล้วนเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี อาทิ เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ใน X-Men และเหล่าทีมฮีโร่ใน Avengers เชื่อว่าคอหนังที่ติดตามจักรวาลนี้มาอย่างเหนียวแน่น ล้วนเฝ้ารอการปรากฏตัวของสแตนในฐานะตัวประกอบของหนังแต่ละเรื่อง เป็นสีสันที่แฟน ๆ ทุกคนต่างก็มีความสุขที่ได้เห็น และแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตแล้ว แต่จิตวิญญาณของเขาจะยังคงอยู่ในใจนักแสดงและแฟน ๆ ทั่วโลก และผลงานของเขาจะเป็นที่จดจำตลอดไป
อ่านข่าว - สแตน ลี ตำนานเจ้าพ่อแห่งจักรวาลมาร์เวล เสียชีวิตแล้วในวัย 95 ปี
3. จอร์จ เฮอร์เบิร์ต บุช หรือ จอร์จ บุช ซีเนียร์ (12 มิถุนายน 2467 - 30 พฤศจิกายน 2561) อายุ 94 ปี
จอร์จ บุช คือประธานาธิบดีคนที่ 41 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นบิดาของ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีคนที่ 43 ของสหรัฐฯ โดย จอร์จ บุช หรือ บุชผู้พ่อ ชนะการเลือกตั้งและได้ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2532-2536 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่โลกเผชิญความเปลี่ยนแปลงมากมาย ตั้งแต่การทลายกำแพงเบอร์ลิน ไปจนถึงการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ผลงานสำคัญของบุชผู้พ่อคือการส่งทหารไปช่วยคูเวตจากการยึดครองของอิรัก และบานปลายกลายเป็นสงครามอ่าวเปอร์เซีย และหลังจากพ้นวาระประธานาธิบดีแล้ว บุชก็ยังคงทำงานในวงการการเมืองต่อไป จนกระทั่งในวาระสุดท้ายของชีวิต
อ่านข่าว - จอร์จ บุช ผู้พ่อ ผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 41 ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ด้วยวัย 94 ปี
เจ้าสัววิชัย เสียชีวิตในเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่เลสเตอร์
เหตุเฮลิคอปเตอร์ตกใกล้กับ สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมช็อกโลกที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคนด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ ทั้งสำหรับประเทศไทย และสำหรับวงการฟุตบอลอังกฤษ เพราะเขาคือผู้ที่ทุ่มเทปั้นทีมจิ้งจอกสยามให้ผงาดขึ้นมาจากทีมท้ายตาราง สู่การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และเขายังมีความผูกพันเป็นที่รักของนักเตะในสโมสร รวมถึงเป็นที่รักของชาวเมืองอย่างมาก
การเสียชีวิตของเจ้าสัววิชัย ได้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วประเทศไทย และเมืองเลสเตอร์ ชาวเมืองและแฟนบอลจำนวนมาก พร้อมใจกันเดินทางมาไว้อาลัยเขา เพราะผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เจ้าของทีมฟุตบอล แต่เขายังช่วยเหลือสังคม ทั้งสร้างโรงเรียน และอื่น ๆ แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่ความดีที่เขาสร้าง จะถูกจารึกไปตลอดกาล
อ่านข่าว - ประวัติเจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของคิง เพาเวอร์ และประธานทีมเลสเตอร์ ซิตี้
อ่านข่าว - ยืนยัน วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของ คิง เพาเวอร์ เสียชีวิตแล้ว
อ่านข่าว - แฟนเลสเตอร์ ร่วมไว้อาลัย เจ้าสัววิชัย บุคคลยิ่งใหญ่ ผู้ทุ่มเท-สร้างประวัติศาสตร์ให้ทีม
ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว-สึนามิ อินโดนีเซีย
อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในเขตวงแหวนไฟ (Ring of Fire) ที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และสึนามิ บ่อยครั้ง เฉพาะปี 2561 เพียงปีเดียว อินโดนีเซียประสบเหตุแผ่นดินไหวหลายครั้ง และครั้งที่เลวร้ายที่สุด เกิดขึ้นในวันที่ 28 กันยายน คือเหตุแผ่นดินไหว 7.5 แมกนิจูด บริเวณตอนเหนือของเกาะสุลาเวสี สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก อาคารบ้านเรือนประชาชนหลายแห่งพังถล่มจากแรงสั่นสะเทือน
หลังจากนั้นไม่นาน โศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นซ้ำสอง โดยคลื่นสึนามิความสูง 7-15 เมตร ได้ซัดถาโถมเข้าถล่มเมืองปาลู ดองกาลา และบริเวณใกล้เคียง ทำลายทุกสิ่งราบเป็นหน้ากลอง ประชาชนนับแสนชีวิตต้องไร้บ้าน มีผู้เสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติครั้งนี้อย่างน้อย 2,250 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าทางการอินโดนีเซีย และนานาประเทศจะเข้าช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ แต่การฟื้นฟูให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ก็คงต้องใช้เวลานานหลายปี แถมในช่วงสิ้นปีอินโดนีเซียก็ยังคงเผชิญกับความโหดร้ายจากธรรมชาติอีกครั้ง กับเหตุสึนามิซัดถล่มชายฝั่งบริเวณช่องแคบซุนดา ระหว่างเกาะชวาและเกาะสุมาตรา หลังภูเขาไฟอานัก กรากาตัว เกิดการระเบิด
อ่านข่าว - สลด คลิปนาทีสึนามิ ถล่มอินโดฯ คนร้องบอกให้วิ่งหนีตาย ก่อนคลื่นยักษ์ซัดเละกับตา
อ่านข่าว - โศกนาฏกรรมภัยพิบัติอินโดฯ เหยื่อสังเวยแผ่นดินไหว-สึนามิ พุ่งสูง 1,347 ราย
อ่านข่าว - ผู้สูญหาย ภัยพิบัติอินโดฯ ทะลุ 5,000 ราย หลายพันร่าง ถูกกลืนหายใต้ดิน
อ่านข่าว - วินาทีสึนามิถล่มคอนเสิร์ต อินโดนีเซีย มาด้านหลังไม่ทันตั้งตัว เมียสูญหาย-เพื่อนตาย
ภัยพิบัติสหรัฐอเมริกา
ปี 2561 ภัยพิบัติทางธรรมชาติยังคงเล่นงานสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ในเดือนกันยายน เฮอริเคนฟลอเรนซ์ ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งทางตะวันออกของสหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นมหันตภัยที่รุนแรงที่สุดของภูมิภาคในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ทางการได้สั่งอพยพคนจำนวนกว่า 1 ล้านชีวิต ตามมาด้วย เฮอริเคนไมเคิล พัดถล่มรัฐฟลอริดา ในเดือนตุลาคม ซึ่งถูกจัดเป็นพายุที่ทรงพลังเป็นอันดับ 3 ที่สหรัฐฯ เคยเผชิญ สร้างความเสียหายอย่างหนัก และเกิดน้ำท่วมฉับพลัน จนต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
ไฟป่าแคลิฟอร์เนียในปี 2561 สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงทางตอนเหนือและตอนใต้ของรัฐ ส่งผลให้บรรดาเซเลบ-ดาราชื่อดังจำนวนมากที่มีคฤหาสน์หรูอยู่ในพื้นที่ ต่างต้องพากันน้ำตาตกไปตามกัน เพราะถูกพิษไฟป่าเล่นงานเผาวอดบ้านทั้งหลัง ต้องสละทรัพย์สินพาครอบครัวอพยพหนีเอาชีวิตรอดออกมาจากเพลิงไหม้ไปยังที่ปลอดภัย
อ่านข่าว - สหรัฐฯ สั่งอพยพคนนับล้าน หนีเฮอริเคนฟลอเรนซ์ มหันตภัยครั้งใหญ่ ก่อนขึ้นฝั่ง
อ่านข่าว - สหรัฐฯ อ่วม เฮอริเคนไมเคิล ถล่มรัฐฟลอริดา รุนแรงสุดในรอบหลายปี ดับแล้ว 1
อ่านข่าว - ไฟป่าแคลิฟอร์เนียโหมหนัก คฤหาสน์หรูดารา-เซเลบ ถูกเผาวอด เร่งอพยพหนี
ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวง
นับเป็นประเด็นใหญ่แห่งปี 2561 ที่ทั่วโลกเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับเหตุการณ์นักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย และโค้ช รวม 13 ชีวิต ติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2561 ท่ามกลางความวิตกกังวลของทางผู้ปกครอง หน่วยซีลของไทยและนักดำน้ำจากต่างชาติผสานกำลังปฏิบัติการค้นหาท่ามกลางความกดดันที่ต้องแข่งกับอุปสรรคสำคัญ ทั้งเวลา และปริมาณน้ำในถ้ำ ขณะที่หน่วยงานทุกภาคส่วน และอาสาสมัครชาวบ้าน ต่างรวมพลังมาช่วยเหลือทุกทาง ทั้งระบายน้ำ ปีนเขา และอื่น ๆ เพื่อหาวิธีการที่จะพบตัวทั้ง 13 ชีวิตให้เร็วที่สุด
กระทั่งวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 นักดำน้ำชาวอังกฤษก็พบตัวทั้ง 13 ชีวิต ข่าวดีดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ถูกเรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์ หลายประเทศต่างส่งนักดำน้ำมาช่วยในภารกิจกู้ภัยนำทั้ง 13 ชีวิตออกมา ซึ่งสุดท้ายได้ข้อสรุปว่าจะให้ทุกคนดำน้ำออกมา โดยมีนักดำน้ำถ้ำผู้เชี่ยวชาญและแพทย์ช่วยฉีดยาเพื่อไม่ให้เกิดความตกใจ ก่อนจะทยอยนำทีมหมูป่าฯ ออกมาจนครบและปลอดภัยทุกคน ภารกิจสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ ภารกิจครั้งนี้กลายเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ถูกพูดถึงไปทั่วโลก มีฮีโร่มากมายที่เสียสละยอมเสี่ยงชีวิตมาช่วยเหลือ และมีฮีโร่ท่านหนึ่งที่ได้สละชีวิตของตนเองในภารกิจครั้งนี้ คือ จ่าเอก สมาน กุนัน ซึ่งเสียชีวิตขณะดำน้ำนำถังออกซิเจนไปวางระหว่างปฏิบัติการ
อ่านข่าว - ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวง ทั้งหมด
โศกนาฏกรรมไลอ้อนแอร์
เป็นโศกนาฏกรรมสุดสลด เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 เครื่องบินรุ่นใหม่โบอิ้ง 737 แม็กซ์ 8 ของสายการบินไลอ้อนแอร์ เที่ยวบิน JT-610 ประสบเหตุตกลงกลางทะเลชวา ภายหลังจากเทกออฟออกจากสนามบินกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ได้เพียงไม่กี่นาที เป็นเหตุให้ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 189 คน เสียชีวิตทั้งหมด สร้างความสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ตามมาพร้อมกับคำถามที่ว่า เพราะเหตุใดเครื่องบินใหม่ที่เพิ่งใช้งานได้เพียง 2 เดือนถึงเกิดเหตุเช่นนี้ได้
จนในเวลาต่อมา ปริศนาได้เริ่มถูกไขให้กระจ่าง เมื่อข้อมูลจากกล่องดำที่พบเผยว่า นักบินมีปัญหากับระบบความปลอดภัยของเครื่องบินที่เกิดความผิดพลาด ตรงจุดเซ็นเซอร์มุมปะทะ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการซ่อมแซม 2 ครั้ง และเพิ่งถูกเปลี่ยนใหม่ 1 วันก่อนเกิดเหตุ โดยขณะเกิดเหตุเซ็นเซอร์ดังกล่าวมีการอ่านข้อมูลผิดพลาด และพยายามบังคับเครื่องให้ต่ำลงอัตโนมัติ ในขณะที่นักบินพยายามบังคับรักษาระดับความเร็ว และเชิดจมูกของเครื่องบินขึ้นหลายครั้ง จนสุดท้ายเครื่องบินสูญเสียการควบคุม และจมดิ่งลงสู่ก้นทะเลในที่สุด
อ่านข่าว - ไลอ้อนแอร์ตก เชื่อ 189 ชีวิต ไร้ลมหายใจ-ชี้เครื่องใหม่ใช้งานแค่ 2 เดือน
อ่านข่าว - สะเทือนใจ รองเท้าเด็กในกองสัมภาระ ผดส. ไลอ้อนแอร์ เผยเหยื่ออายุน้อยสุดแค่ 1 ขวบ
อ่านข่าว - เซ็นเซอร์สำคัญเครื่องไลอ้อนแอร์ เพิ่งถูกเปลี่ยน 1 วัน ก่อนเกิดโศกนาฏกรรม
อ่านข่าว - ความจริงจากกล่องดำไลอ้อนแอร์ นักบินมีปัญหากับระบบกว่า 20 ครั้ง ตั้งแต่เทกออฟ
นักข่าวซาอุฯ ถูกสังหารโหดในสถานกงสุล
เป็นประเด็นร้อนแรงที่ทั่วโลกพากันวิพากษ์วิจารณ์ กรณีการเสียชีวิตของ จามัล คาช็อกกี นักข่าวฝีปากกล้าชาวซาอุดีอาระเบีย ที่หายตัวไปในสถานกงสุลซาอุฯ ประเทศตุรกี ก่อนต่อมาจะถูกเปิดเผยว่าถูกสังหารโหด โดยมีคลิปเสียงที่แอบบันทึกไว้ผ่านทางนาฬิกาแอปเปิลวอตช์ ถูกส่งไปยังโทรศัพท์ไอโฟนของคู่หมั้น กลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ชี้ชัดว่า เขาถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมจนหมดลมหายใจ
ขณะที่ทางรัฐบาลของซาอุฯ พยายามปฏิเสธกรณีจามัลถูกฆาตกรรมภายในสถานกงสุลเรื่อยมา ท่ามกลางกระแสว่า มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงอยู่เบื้องหลังและเป็นผู้สั่งการการฆาตกรรมในครั้งนี้ เนื่องจาก จามัลเป็นนักข่าวฝีปากกล้าที่เขียนวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ ก่อนในที่สุด ภายหลังจากถูกกดดันจากนานาชาติ ทางซาอุฯ ได้ออกมายอมรับว่าเป็นปฏิบัติการเถื่อนของกลุ่มบุคคลที่ทำเกินกว่าอำนาจหน้าที่และการรับผิดชอบ แต่ยืนยันว่า มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ในขณะที่ทางตุรกีเชื่อว่า มือสังหารเป็นทีมสังหารพิเศษจากซาอุฯ และมีความใกล้ชิดกับมกุฎราชกุมาร ถูกส่งตรงมาเพื่อปลิดชีพจามัลโดยเฉพาะ
อ่านข่าว - สุดช็อก ! นักข่าวซาอุฯ ถูกหั่นร่างทั้งเป็น เจ้าตัวกดอัดเสียงขณะถูกสังหารโหด
อ่านข่าว - เปิดคลิปเสียงลับ เผยคำพูดสุดท้ายนักข่าวซาอุฯ ก่อนสิ้นใจ "ผมหายใจไม่ออก"
อ่านข่าว - เจ้าชายซาอุฯ ปัดอยู่เบื้องหลังคดีนักข่าวฝีปากกล้า หายตัวลึกลับในสถานกงสุล
อ่านข่าว - คดีฆ่าหั่นศพนักข่าวซาอุ เผยภาพลูกชายเหยื่อ กับสีหน้าเจ็บปวด ขณะจับมือมกุฎราชกุมาร
พิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่ - เมแกน มาร์เคิล
นับเป็นปีแห่งความปีติยินดีของราชวงศ์อังกฤษ รวมถึงพสกนิกรทั่วประเทศ เมื่อ เจ้าชายแฮร์รี่ แห่งเวลส์ ทรงเข้าพิธีเสกสมรสกับพระคู่หมั้นสาว เมแกน มาร์เคิล นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน ณ โบสถ์เซนต์จอร์จ ภายในพระราชวังวินด์เซอร์ สหราชอาณาจักร ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2561 ซึ่งในการนี้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ตลอดจนสมาชิกราชวงศ์ ได้เสด็จฯ มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ พร้อมมีการถ่ายทอดสดช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้ ให้ผู้คนทั่วโลกได้ร่วมเป็นสักขีพยานเช่นกัน
โดยหลังจากเสร็จสิ้นพิธีเสกสมรส สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์แก่ทั้งคู่ ให้เป็น ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กส์ กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 5 เดือน ทางสำนักพระราชวังเคนซิงตัน ได้ประกาศข่าวดีเรื่อง เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซ็กส์ ทรงพระครรภ์ ซึ่งคาดว่าจะทรงให้กำเนิดรัชทายาทในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2562 นำพาความยินดีอย่างยิ่งมาสู่ทั้งสองพระองค์
อ่านข่าว - ชมบรรยากาศสด พิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่ - เมแกน มาร์เคิล วินาทีแห่งประวัติศาสตร์
อ่านข่าว - เมแกน สตรีคนแรกผู้ได้รับบรรดาศักดิ์ ดัชเชสแห่งซัสเซ็กส์ หลังเสกสมรส
อ่านข่าว - เจ้าชายแฮร์รี่ สุดกลั้นอารมณ์ ขณะเพลงโปรดของพระมารดา ดังขึ้นในพิธีเสกสมรส
ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ ทรัมป์ - คิมจองอึน ยุติความขัดแย้ง มุ่งสู่สันติภาพ
ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่ประเทศที่มีความขัดแย้งกันมาอย่างยาวนาน สำหรับ เกาหลีเหนือ กับ สหรัฐอเมริกา ที่ไม่ว่าทางสหรัฐฯ จะออกมาตรการกดดันอย่างไร คิมจองอึน ในฐานะผู้นำเกาหลีเหนือ ก็ไม่ล้มเลิกการพัฒนาและทดลองขีปนาวุธง่าย ๆ แถมตอกกลับสหรัฐฯ ด้วยความแข็งกร้าว ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ก็ราวกับมวยถูกคู่ มีการส่งคำขู่เขย่าขวัญโต้ตอบกันไม่หยุด สถานการณ์ตึงเครียดถึงขีดสุด จนหวิดจะพาโลกไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 กันเลยก็ว่าได้
แต่แล้วในขณะนั้นโลกก็มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อ คิมจองอึน ได้ยอมจับมือกับ มุนแจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ ในการเจรจาที่หมู่บ้านปันมุนจอม บนเส้นขนานที่ 38 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสถานการณ์ตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี กระทั่งต่อมามีการผลักดันไปสู่การเจรจานัดประวัติศาสตร์ ในการพบปะกันครั้งแรก ระหว่างผู้นำของเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ในวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ณ โรงแรมคาเปลล่า เกาะเซ็นโตซ่า ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งผลการเจรจาจบลงด้วยดี ทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมลงนามในข้อตกลงที่ว่าด้วย 4 ประเด็นสำคัญ เพื่อมุ่งไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ นับว่าเป็นการทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง ร่วมเดินหน้าสู่สันติภาพอย่างแท้จริง
![10 ข่าวเด่นรอบโลกประจำปี 2561 10 ข่าวเด่นรอบโลกประจำปี 2561]()
ทรัมป์-คิมจองอึน : ภาพจาก SAUL LOEB / AFP
อ่านข่าว - โดนัลด์ ทรัมป์ จับมือ คิมจองอึน สู่ประวัติศาสตร์ เดินหน้าสร้างสันติภาพโลก
อ่านข่าว - ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง ทรัมป์-คิมจองอึน มุ่งสู่สันติภาพ กับ 4 ประเด็นในข้อตกลง
ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2561 ประชาชนชาวฝรั่งเศส กว่า 300,000 คน ได้พร้อมใจกันสวมเสื้อกั๊กเหลือง ออกมาประท้วงตามที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อแสดงความไม่พอใจในนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นภาษีคาร์บอน และราคาน้ำมันแพงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมันคือฟางเส้นสุดท้ายที่จุดชนวนปัญหานี้ แม้ว่าหลายพื้นที่จะเป็นการประท้วงที่สงบ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ จนบานปลายกลายเป็นความรุนแรง ผู้ประท้วงได้บุกทำลายอาคารสถานที่ต่าง ๆ จนได้รับความเสียหาย รวมทั้งจุดไฟเผาหลายจุดทั่วกรุงปารีส และพยายามบุกเข้าพระราชวังเอลิเซ่ ที่พำนักของประธานาธิบดี จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ความรุนแรงในการปราบจลาจล ทั้งใช้แก๊สน้ำตา ฉีดน้ำ และระเบิดแสง
กลุ่มผู้ประท้วงยังต้องการกดดันให้มาครงลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้รัฐบาลต้องเข้าประชุมหารือกันอย่างเร่งด่วนเพื่อวางมาตรการแก้ไขปัญหา โดยประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีได้ยอมถอยคนละก้าว ชะลอการปรับขึ้นภาษีคาร์บอนเอาไว้ก่อน รวมทั้งให้สัญญาว่าจะยกเลิกการขึ้นภาษีแก่ผู้รับเงินบำนาญ เว้นภาษีแรงงาน รวมทั้งจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกเดือนละ 100 ยูโร หรือประมาณ 3,700 บาท คำสัญญานี้ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงพอใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่การชุมนุมก็ยังคงไม่ยุติลง ซึ่งก็คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว รัฐบาลฝรั่งเศส จะแก้ปัญหาสำคัญนี้ให้ลุล่วงลงไปได้อย่างไร
ภาพจาก ZAKARIA ABDELKAFI / AFP
ภาพจาก ALAIN JOCARD / AFP
อ่านข่าว - น้ำมันแพง-ขึ้นภาษี เป็นเหตุ ฝรั่งเศสระดมพลทั่วประเทศ สวมกั๊กเหลือง ประท้วงรัฐบาล
อ่านข่าว - ฝรั่งเศสลุกเป็นไฟ ! ปชช. นับแสนเผาปารีส-ถล่มพระราชวัง ประท้วงไล่ประธานาธิบดี
อ่านข่าว - มาครง ยอมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเดือนละ 3,700 ปีหน้า หลังเจอม็อบถล่มหนักทั่วฝรั่งเศส
การจากไปของ 3 บุคคลสำคัญ จาก 3 วงการ
ปี 2561 เป็นอีกปีหนึ่งที่โลกสูญเสียบุคคลสำคัญไปหลายคน ในจำนวนนั้นคือ 3 บุคคลจากวงการวิทยาศาสตร์ บันเทิง และการเมือง นั่นก็คือ สตีเฟน ฮอว์คิง (Stephen Hawking) นักฟิสิกส์ทฤษฎี นักจักรวาลวิทยาผู้ปราดเปรื่อง รวมทั้ง สแตน ลี (Stan Lee) บิดาแห่งมาร์เวล และ จอร์จ บุช อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และนี่คือเรื่องราวชีวิตของพวกเขา
1. สตีเฟน วิลเลียม ฮอว์คิง (8 มกราคม 2485 - 14 มีนาคม 2561) อายุ 76 ปี
นักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่องคนนี้ ได้จากไปในวัย 76 ปี หลังจากต่อสู้กับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส (ALS - Amyotrophic Lateral Sclerosis) มานานหลายทศวรรษ แต่สภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยไม่สามารถหยุดยั้งการเรียนรู้ของเขา รวมทั้งไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจในการมอบความรู้ให้แก่คนอื่น โดยผลงานสำคัญของสตีเฟนคือ ทฤษฎีซิงกูลาริตี หลุมดำ และเอกภพไม่มีจุดสิ้นสุด ซึ่งทฤษฎีเหล่านี้ได้นำไปสู่การศึกษาค้นคว้ามากมาย และเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติการเรียนรู้ด้านจักรวาลวิทยาอย่างแท้จริง
ภาพจาก JUSTIN TALLIS / AFP
อ่านข่าว - เปิด 5 ประเด็นน่ารู้ จากชีวิต สตีเฟน ฮอว์คิง ยอดนักวิทยาศาสตร์แห่งยุค
2. สแตนลีย์ มาร์ติน ลีเบอร์ หรือ สแตน ลี (28 ธันวาคม 2465 - 12 พฤศจิกายน 2561) อายุ 95 ปี
ชายเจ้าของรอยยิ้มอบอุ่นคนนี้คือผู้ก่อตั้ง มาร์เวล คอมิกส์ (Marvel Comics) และเขาทำให้มาร์เวลก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการ ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1960 ตัวละครมาร์เวลล้วนเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี อาทิ เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ใน X-Men และเหล่าทีมฮีโร่ใน Avengers เชื่อว่าคอหนังที่ติดตามจักรวาลนี้มาอย่างเหนียวแน่น ล้วนเฝ้ารอการปรากฏตัวของสแตนในฐานะตัวประกอบของหนังแต่ละเรื่อง เป็นสีสันที่แฟน ๆ ทุกคนต่างก็มีความสุขที่ได้เห็น และแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตแล้ว แต่จิตวิญญาณของเขาจะยังคงอยู่ในใจนักแสดงและแฟน ๆ ทั่วโลก และผลงานของเขาจะเป็นที่จดจำตลอดไป
ภาพจาก RICH POLK / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / AFP
อ่านข่าว - สแตน ลี ตำนานเจ้าพ่อแห่งจักรวาลมาร์เวล เสียชีวิตแล้วในวัย 95 ปี
3. จอร์จ เฮอร์เบิร์ต บุช หรือ จอร์จ บุช ซีเนียร์ (12 มิถุนายน 2467 - 30 พฤศจิกายน 2561) อายุ 94 ปี
จอร์จ บุช คือประธานาธิบดีคนที่ 41 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นบิดาของ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีคนที่ 43 ของสหรัฐฯ โดย จอร์จ บุช หรือ บุชผู้พ่อ ชนะการเลือกตั้งและได้ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2532-2536 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่โลกเผชิญความเปลี่ยนแปลงมากมาย ตั้งแต่การทลายกำแพงเบอร์ลิน ไปจนถึงการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ผลงานสำคัญของบุชผู้พ่อคือการส่งทหารไปช่วยคูเวตจากการยึดครองของอิรัก และบานปลายกลายเป็นสงครามอ่าวเปอร์เซีย และหลังจากพ้นวาระประธานาธิบดีแล้ว บุชก็ยังคงทำงานในวงการการเมืองต่อไป จนกระทั่งในวาระสุดท้ายของชีวิต
ภาพจาก LUKE FRAZZA / AFP
อ่านข่าว - จอร์จ บุช ผู้พ่อ ผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 41 ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ด้วยวัย 94 ปี
เจ้าสัววิชัย เสียชีวิตในเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่เลสเตอร์
เหตุเฮลิคอปเตอร์ตกใกล้กับ สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมช็อกโลกที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคนด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ ทั้งสำหรับประเทศไทย และสำหรับวงการฟุตบอลอังกฤษ เพราะเขาคือผู้ที่ทุ่มเทปั้นทีมจิ้งจอกสยามให้ผงาดขึ้นมาจากทีมท้ายตาราง สู่การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และเขายังมีความผูกพันเป็นที่รักของนักเตะในสโมสร รวมถึงเป็นที่รักของชาวเมืองอย่างมาก
การเสียชีวิตของเจ้าสัววิชัย ได้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วประเทศไทย และเมืองเลสเตอร์ ชาวเมืองและแฟนบอลจำนวนมาก พร้อมใจกันเดินทางมาไว้อาลัยเขา เพราะผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เจ้าของทีมฟุตบอล แต่เขายังช่วยเหลือสังคม ทั้งสร้างโรงเรียน และอื่น ๆ แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่ความดีที่เขาสร้าง จะถูกจารึกไปตลอดกาล
ภาพจาก ADRIAN DENNIS / AFP
ภาพจาก PAUL ELLIS / AFP
อ่านข่าว - ประวัติเจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของคิง เพาเวอร์ และประธานทีมเลสเตอร์ ซิตี้
อ่านข่าว - ยืนยัน วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของ คิง เพาเวอร์ เสียชีวิตแล้ว
อ่านข่าว - แฟนเลสเตอร์ ร่วมไว้อาลัย เจ้าสัววิชัย บุคคลยิ่งใหญ่ ผู้ทุ่มเท-สร้างประวัติศาสตร์ให้ทีม
ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว-สึนามิ อินโดนีเซีย
อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในเขตวงแหวนไฟ (Ring of Fire) ที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และสึนามิ บ่อยครั้ง เฉพาะปี 2561 เพียงปีเดียว อินโดนีเซียประสบเหตุแผ่นดินไหวหลายครั้ง และครั้งที่เลวร้ายที่สุด เกิดขึ้นในวันที่ 28 กันยายน คือเหตุแผ่นดินไหว 7.5 แมกนิจูด บริเวณตอนเหนือของเกาะสุลาเวสี สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก อาคารบ้านเรือนประชาชนหลายแห่งพังถล่มจากแรงสั่นสะเทือน
หลังจากนั้นไม่นาน โศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นซ้ำสอง โดยคลื่นสึนามิความสูง 7-15 เมตร ได้ซัดถาโถมเข้าถล่มเมืองปาลู ดองกาลา และบริเวณใกล้เคียง ทำลายทุกสิ่งราบเป็นหน้ากลอง ประชาชนนับแสนชีวิตต้องไร้บ้าน มีผู้เสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติครั้งนี้อย่างน้อย 2,250 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าทางการอินโดนีเซีย และนานาประเทศจะเข้าช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ แต่การฟื้นฟูให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ก็คงต้องใช้เวลานานหลายปี แถมในช่วงสิ้นปีอินโดนีเซียก็ยังคงเผชิญกับความโหดร้ายจากธรรมชาติอีกครั้ง กับเหตุสึนามิซัดถล่มชายฝั่งบริเวณช่องแคบซุนดา ระหว่างเกาะชวาและเกาะสุมาตรา หลังภูเขาไฟอานัก กรากาตัว เกิดการระเบิด
ภาพจาก YUSUF WAHIL / AFP
ภาพจาก MUHAMMAD RIFKI / AFP
อ่านข่าว - สลด คลิปนาทีสึนามิ ถล่มอินโดฯ คนร้องบอกให้วิ่งหนีตาย ก่อนคลื่นยักษ์ซัดเละกับตา
อ่านข่าว - โศกนาฏกรรมภัยพิบัติอินโดฯ เหยื่อสังเวยแผ่นดินไหว-สึนามิ พุ่งสูง 1,347 ราย
อ่านข่าว - ผู้สูญหาย ภัยพิบัติอินโดฯ ทะลุ 5,000 ราย หลายพันร่าง ถูกกลืนหายใต้ดิน
อ่านข่าว - วินาทีสึนามิถล่มคอนเสิร์ต อินโดนีเซีย มาด้านหลังไม่ทันตั้งตัว เมียสูญหาย-เพื่อนตาย
ภัยพิบัติสหรัฐอเมริกา
ปี 2561 ภัยพิบัติทางธรรมชาติยังคงเล่นงานสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ในเดือนกันยายน เฮอริเคนฟลอเรนซ์ ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งทางตะวันออกของสหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นมหันตภัยที่รุนแรงที่สุดของภูมิภาคในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ทางการได้สั่งอพยพคนจำนวนกว่า 1 ล้านชีวิต ตามมาด้วย เฮอริเคนไมเคิล พัดถล่มรัฐฟลอริดา ในเดือนตุลาคม ซึ่งถูกจัดเป็นพายุที่ทรงพลังเป็นอันดับ 3 ที่สหรัฐฯ เคยเผชิญ สร้างความเสียหายอย่างหนัก และเกิดน้ำท่วมฉับพลัน จนต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
ไฟป่าแคลิฟอร์เนียในปี 2561 สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงทางตอนเหนือและตอนใต้ของรัฐ ส่งผลให้บรรดาเซเลบ-ดาราชื่อดังจำนวนมากที่มีคฤหาสน์หรูอยู่ในพื้นที่ ต่างต้องพากันน้ำตาตกไปตามกัน เพราะถูกพิษไฟป่าเล่นงานเผาวอดบ้านทั้งหลัง ต้องสละทรัพย์สินพาครอบครัวอพยพหนีเอาชีวิตรอดออกมาจากเพลิงไหม้ไปยังที่ปลอดภัย
ภาพจาก Josh Edelson / AFP
ภาพจาก JOE RAEDLE / AFP
อ่านข่าว - สหรัฐฯ สั่งอพยพคนนับล้าน หนีเฮอริเคนฟลอเรนซ์ มหันตภัยครั้งใหญ่ ก่อนขึ้นฝั่ง
อ่านข่าว - สหรัฐฯ อ่วม เฮอริเคนไมเคิล ถล่มรัฐฟลอริดา รุนแรงสุดในรอบหลายปี ดับแล้ว 1
อ่านข่าว - ไฟป่าแคลิฟอร์เนียโหมหนัก คฤหาสน์หรูดารา-เซเลบ ถูกเผาวอด เร่งอพยพหนี
นับเป็นประเด็นใหญ่แห่งปี 2561 ที่ทั่วโลกเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับเหตุการณ์นักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย และโค้ช รวม 13 ชีวิต ติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2561 ท่ามกลางความวิตกกังวลของทางผู้ปกครอง หน่วยซีลของไทยและนักดำน้ำจากต่างชาติผสานกำลังปฏิบัติการค้นหาท่ามกลางความกดดันที่ต้องแข่งกับอุปสรรคสำคัญ ทั้งเวลา และปริมาณน้ำในถ้ำ ขณะที่หน่วยงานทุกภาคส่วน และอาสาสมัครชาวบ้าน ต่างรวมพลังมาช่วยเหลือทุกทาง ทั้งระบายน้ำ ปีนเขา และอื่น ๆ เพื่อหาวิธีการที่จะพบตัวทั้ง 13 ชีวิตให้เร็วที่สุด
กระทั่งวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 นักดำน้ำชาวอังกฤษก็พบตัวทั้ง 13 ชีวิต ข่าวดีดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ถูกเรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์ หลายประเทศต่างส่งนักดำน้ำมาช่วยในภารกิจกู้ภัยนำทั้ง 13 ชีวิตออกมา ซึ่งสุดท้ายได้ข้อสรุปว่าจะให้ทุกคนดำน้ำออกมา โดยมีนักดำน้ำถ้ำผู้เชี่ยวชาญและแพทย์ช่วยฉีดยาเพื่อไม่ให้เกิดความตกใจ ก่อนจะทยอยนำทีมหมูป่าฯ ออกมาจนครบและปลอดภัยทุกคน ภารกิจสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ ภารกิจครั้งนี้กลายเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ถูกพูดถึงไปทั่วโลก มีฮีโร่มากมายที่เสียสละยอมเสี่ยงชีวิตมาช่วยเหลือ และมีฮีโร่ท่านหนึ่งที่ได้สละชีวิตของตนเองในภารกิจครั้งนี้ คือ จ่าเอก สมาน กุนัน ซึ่งเสียชีวิตขณะดำน้ำนำถังออกซิเจนไปวางระหว่างปฏิบัติการ
โศกนาฏกรรมไลอ้อนแอร์
เป็นโศกนาฏกรรมสุดสลด เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 เครื่องบินรุ่นใหม่โบอิ้ง 737 แม็กซ์ 8 ของสายการบินไลอ้อนแอร์ เที่ยวบิน JT-610 ประสบเหตุตกลงกลางทะเลชวา ภายหลังจากเทกออฟออกจากสนามบินกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ได้เพียงไม่กี่นาที เป็นเหตุให้ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 189 คน เสียชีวิตทั้งหมด สร้างความสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ตามมาพร้อมกับคำถามที่ว่า เพราะเหตุใดเครื่องบินใหม่ที่เพิ่งใช้งานได้เพียง 2 เดือนถึงเกิดเหตุเช่นนี้ได้
จนในเวลาต่อมา ปริศนาได้เริ่มถูกไขให้กระจ่าง เมื่อข้อมูลจากกล่องดำที่พบเผยว่า นักบินมีปัญหากับระบบความปลอดภัยของเครื่องบินที่เกิดความผิดพลาด ตรงจุดเซ็นเซอร์มุมปะทะ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการซ่อมแซม 2 ครั้ง และเพิ่งถูกเปลี่ยนใหม่ 1 วันก่อนเกิดเหตุ โดยขณะเกิดเหตุเซ็นเซอร์ดังกล่าวมีการอ่านข้อมูลผิดพลาด และพยายามบังคับเครื่องให้ต่ำลงอัตโนมัติ ในขณะที่นักบินพยายามบังคับรักษาระดับความเร็ว และเชิดจมูกของเครื่องบินขึ้นหลายครั้ง จนสุดท้ายเครื่องบินสูญเสียการควบคุม และจมดิ่งลงสู่ก้นทะเลในที่สุด
ภาพจาก BAY ISMOYO / AFP
ภาพจาก BAY ISMOYO / AFP
อ่านข่าว - ไลอ้อนแอร์ตก เชื่อ 189 ชีวิต ไร้ลมหายใจ-ชี้เครื่องใหม่ใช้งานแค่ 2 เดือน
อ่านข่าว - สะเทือนใจ รองเท้าเด็กในกองสัมภาระ ผดส. ไลอ้อนแอร์ เผยเหยื่ออายุน้อยสุดแค่ 1 ขวบ
อ่านข่าว - เซ็นเซอร์สำคัญเครื่องไลอ้อนแอร์ เพิ่งถูกเปลี่ยน 1 วัน ก่อนเกิดโศกนาฏกรรม
อ่านข่าว - ความจริงจากกล่องดำไลอ้อนแอร์ นักบินมีปัญหากับระบบกว่า 20 ครั้ง ตั้งแต่เทกออฟ
นักข่าวซาอุฯ ถูกสังหารโหดในสถานกงสุล
เป็นประเด็นร้อนแรงที่ทั่วโลกพากันวิพากษ์วิจารณ์ กรณีการเสียชีวิตของ จามัล คาช็อกกี นักข่าวฝีปากกล้าชาวซาอุดีอาระเบีย ที่หายตัวไปในสถานกงสุลซาอุฯ ประเทศตุรกี ก่อนต่อมาจะถูกเปิดเผยว่าถูกสังหารโหด โดยมีคลิปเสียงที่แอบบันทึกไว้ผ่านทางนาฬิกาแอปเปิลวอตช์ ถูกส่งไปยังโทรศัพท์ไอโฟนของคู่หมั้น กลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ชี้ชัดว่า เขาถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมจนหมดลมหายใจ
ขณะที่ทางรัฐบาลของซาอุฯ พยายามปฏิเสธกรณีจามัลถูกฆาตกรรมภายในสถานกงสุลเรื่อยมา ท่ามกลางกระแสว่า มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงอยู่เบื้องหลังและเป็นผู้สั่งการการฆาตกรรมในครั้งนี้ เนื่องจาก จามัลเป็นนักข่าวฝีปากกล้าที่เขียนวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ ก่อนในที่สุด ภายหลังจากถูกกดดันจากนานาชาติ ทางซาอุฯ ได้ออกมายอมรับว่าเป็นปฏิบัติการเถื่อนของกลุ่มบุคคลที่ทำเกินกว่าอำนาจหน้าที่และการรับผิดชอบ แต่ยืนยันว่า มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ในขณะที่ทางตุรกีเชื่อว่า มือสังหารเป็นทีมสังหารพิเศษจากซาอุฯ และมีความใกล้ชิดกับมกุฎราชกุมาร ถูกส่งตรงมาเพื่อปลิดชีพจามัลโดยเฉพาะ
จามัล คาช็อกกี : ภาพจาก MOHAMMED AL-SHAIKH / AFP
มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน : ภาพจาก Bandar AL-JALOUD / Saudi Royal Palace / AFP
อ่านข่าว - สุดช็อก ! นักข่าวซาอุฯ ถูกหั่นร่างทั้งเป็น เจ้าตัวกดอัดเสียงขณะถูกสังหารโหด
อ่านข่าว - เปิดคลิปเสียงลับ เผยคำพูดสุดท้ายนักข่าวซาอุฯ ก่อนสิ้นใจ "ผมหายใจไม่ออก"
อ่านข่าว - เจ้าชายซาอุฯ ปัดอยู่เบื้องหลังคดีนักข่าวฝีปากกล้า หายตัวลึกลับในสถานกงสุล
อ่านข่าว - คดีฆ่าหั่นศพนักข่าวซาอุ เผยภาพลูกชายเหยื่อ กับสีหน้าเจ็บปวด ขณะจับมือมกุฎราชกุมาร
พิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่ - เมแกน มาร์เคิล
นับเป็นปีแห่งความปีติยินดีของราชวงศ์อังกฤษ รวมถึงพสกนิกรทั่วประเทศ เมื่อ เจ้าชายแฮร์รี่ แห่งเวลส์ ทรงเข้าพิธีเสกสมรสกับพระคู่หมั้นสาว เมแกน มาร์เคิล นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน ณ โบสถ์เซนต์จอร์จ ภายในพระราชวังวินด์เซอร์ สหราชอาณาจักร ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2561 ซึ่งในการนี้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ตลอดจนสมาชิกราชวงศ์ ได้เสด็จฯ มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ พร้อมมีการถ่ายทอดสดช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้ ให้ผู้คนทั่วโลกได้ร่วมเป็นสักขีพยานเช่นกัน
โดยหลังจากเสร็จสิ้นพิธีเสกสมรส สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์แก่ทั้งคู่ ให้เป็น ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กส์ กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 5 เดือน ทางสำนักพระราชวังเคนซิงตัน ได้ประกาศข่าวดีเรื่อง เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซ็กส์ ทรงพระครรภ์ ซึ่งคาดว่าจะทรงให้กำเนิดรัชทายาทในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2562 นำพาความยินดีอย่างยิ่งมาสู่ทั้งสองพระองค์
เจ้าชายแฮร์รี่ - เมแกน มาร์เคิล : ภาพจาก CHRISTOPHER FURLONG / POOL / AFP
เจ้าชายแฮร์รี่ - เมแกน มาร์เคิล : ภาพจาก ANDREW MATTHEWS / POOL / AFP
อ่านข่าว - ชมบรรยากาศสด พิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่ - เมแกน มาร์เคิล วินาทีแห่งประวัติศาสตร์
อ่านข่าว - เมแกน สตรีคนแรกผู้ได้รับบรรดาศักดิ์ ดัชเชสแห่งซัสเซ็กส์ หลังเสกสมรส
อ่านข่าว - เจ้าชายแฮร์รี่ สุดกลั้นอารมณ์ ขณะเพลงโปรดของพระมารดา ดังขึ้นในพิธีเสกสมรส
ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ ทรัมป์ - คิมจองอึน ยุติความขัดแย้ง มุ่งสู่สันติภาพ
ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่ประเทศที่มีความขัดแย้งกันมาอย่างยาวนาน สำหรับ เกาหลีเหนือ กับ สหรัฐอเมริกา ที่ไม่ว่าทางสหรัฐฯ จะออกมาตรการกดดันอย่างไร คิมจองอึน ในฐานะผู้นำเกาหลีเหนือ ก็ไม่ล้มเลิกการพัฒนาและทดลองขีปนาวุธง่าย ๆ แถมตอกกลับสหรัฐฯ ด้วยความแข็งกร้าว ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ก็ราวกับมวยถูกคู่ มีการส่งคำขู่เขย่าขวัญโต้ตอบกันไม่หยุด สถานการณ์ตึงเครียดถึงขีดสุด จนหวิดจะพาโลกไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 กันเลยก็ว่าได้
แต่แล้วในขณะนั้นโลกก็มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อ คิมจองอึน ได้ยอมจับมือกับ มุนแจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ ในการเจรจาที่หมู่บ้านปันมุนจอม บนเส้นขนานที่ 38 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสถานการณ์ตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี กระทั่งต่อมามีการผลักดันไปสู่การเจรจานัดประวัติศาสตร์ ในการพบปะกันครั้งแรก ระหว่างผู้นำของเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ในวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ณ โรงแรมคาเปลล่า เกาะเซ็นโตซ่า ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งผลการเจรจาจบลงด้วยดี ทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมลงนามในข้อตกลงที่ว่าด้วย 4 ประเด็นสำคัญ เพื่อมุ่งไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ นับว่าเป็นการทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง ร่วมเดินหน้าสู่สันติภาพอย่างแท้จริง
ทรัมป์-คิมจองอึน : ภาพจาก ANTHONY WALLACE / POOL / AFP

ทรัมป์-คิมจองอึน : ภาพจาก SAUL LOEB / AFP
อ่านข่าว - โดนัลด์ ทรัมป์ จับมือ คิมจองอึน สู่ประวัติศาสตร์ เดินหน้าสร้างสันติภาพโลก
อ่านข่าว - ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง ทรัมป์-คิมจองอึน มุ่งสู่สันติภาพ กับ 4 ประเด็นในข้อตกลง






